ประชาไท14 พ.ย. 48 กรรมาธิการวิสามัญพิจารณา พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม (กมธ.) ไฟเขียวให้ต่างชาติถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ ส.ว. หลายคนแสดงความเป็นห่วงต่างชาติจะเข้ามาครอบงำกิจการโทรคมนาคมของไทย ด้านนาย
ที่ประชุม กมธ.ฯ ได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่..) พ.ศ.... ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคม ในสาระสำคัญให้ยกเลิกความใน (1) ของมาตรา 8 วรรค 3 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าวที่เดิมให้เพิ่มการถือหุ้นของคนต่างด้าวจากเดิมถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 25 เป็นถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 49 และยกเลิกสัดส่วนของกรรมการบริษัทที่เดิมกำหนดให้ต้องมีกรรมการที่เป็นคนสัญชาติไทยในสัดส่วน 3 ใน 4 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด
นาย
ทั้งนี้ นายวีรวร ชี้แจงว่ากรรมาธิการได้พิจารณาไปตามเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยไม่ได้นำข้อมูลว่าใครจะซื้อจะขายหุ้นมาพิจารณาแต่อย่างใด ส่วนในมาตรา 3 ที่แก้ไขสัดส่วนของการถือหุ้นจากของเดิมคนไทยถือได้ร้อยละ 75 ต่างชาติถือได้ร้อยละ 25 มาเป็นสัดส่วน 51: 49 นั้นกรรมาธิการเห็นประโยชน์ที่จะให้มีผู้เข้ามาลงทุนในกิจการโทรคมนาคมมากขึ้น และจะทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการ รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ
สำหรับด้านผลเสียนั้น นายวีรวร กล่าวว่าก็มีบ้างโดยเฉพาะที่มองว่าการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของคนต่างชาติจะทำให้คนต่างชาติเข้ามาครอบงำกิจการโทรคมนาคมของไทยได้ง่าย แต่เมื่อมีคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เกิดขึ้นแล้วก็เชื่อว่า กทช.จะมีข้อกำหนดหรือข้อห้าม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำกิจการดังกล่าวได้
นาย
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า เหตุผลที่รัฐอ้างว่าจะมีเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นนั้นก็เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงขององค์การการค้าโลก( WTO) ที่ให้เปิดเสรีโทรคมนาคมก็ไม่ถูกต้อง เพราะจากรายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า"WTOกำหนดให้เปิดเสรีการค้าด้านกิจการโทรคมนาคมได้ไม่เกินร้อยละ 25 โดยจะต้องมีใบอนุญาตการประกอบธุรกิจจากรัฐบาล ซึ่งในหลายประเทศให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นได้ไม่เกินร้อยละ 25 บางประเทศก็ให้แค่ร้อยละ 20 เท่านั้น แต่ประเทศไทยกลับเปิดให้ต่างชาติถือหุ้นได้ถึงร้อยละ 49 ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องและไม่มีความจำเป็นอะไร นอกจากนี้ การแก้ไขที่ให้เก็บเงินค่าบริการล่วงหน้าได้ ตนก็ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้บริการ ซึ่งเป็นการออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนเอาไปลงทุนด้านอื่น
"สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของธุรกิจโทรคมนาคมไทยที่ไม่สามารถพัฒนาตนเองได้ ต้องไปดึงคนต่างชาติมาลงทุน ทั้งนี้ ธุรกิจที่ให้คนต่างชาติเข้ามาถือหุ้นได้ถึง 49% ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ปรึกษา บริษัทจำหน่ายเครื่องอุปกรณ์โทรคมนาคมเท่านั้น ซึ่งผมแปลกใจว่าทำไมต้องแก้ไขกฎหมายฉบับนี้" นายสมเกียรติ กล่าว
ด้านนาย
ขณะที่นาย