Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


บทบาทของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างที่เราเห็นในปี 2544 ในกรณีการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน หรือซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คงจะไม่มีให้เราเห็นได้ง่ายๆ อีกแล้วในยุคที่รัฐธรรมนูญ 2540 กลายสภาพเป็นเพียงเครื่องมือในการดำรงไว้ซึ่งอำนาจของนักการเมือง


 


นักการเมืองของเราช่ำชอง จนหาช่องโหว่ที่จะใช้รัฐธรรมนูญเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเองในแทบจะทุกเรื่อง ไม่เท่านั้นแม้มิใช่นักการเมือง เป็นแต่เพียงผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ก็สามารถใช้มันเพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งหลายครั้งมักจะหมายถึงผลกระทบในทางร้ายต่อประชาชนเจ้าของประเทศ


 


เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่แม้แต่องค์กรอิสระที่มีความสำคัญขั้นสุดยอด มีอำนาจที่จะบรรดาคุณและโทษมหาศาล มีครบทั้ง 3 อำนาจ ตั้งแต่ออกกฎ บริหาร และตัดสินชี้ขาด และมีกรรมการที่มีวาระดำรงตำแหน่งยาวนานถึง 9 ปีอย่างป.ป.ช. ก็ถูกแทรกแซงจนแทบไม่เหลือสภาพองค์กรอิสระ


 


เราจะตรวจสอบทุจริตอย่างตรงไปตรงมาได้อย่างไร เมื่อคณะกรรมการสรรหาผู้หนึ่งที่มาจากรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏ มีส่วนสำคัญในการ "จัดการ" มีส่วนในการล็อบบี้ชี้นำให้กรรมการสรรหาคนอื่นๆ ว่าควรจะเลือกใคร แต่กรรมการสรรหาผู้นี้กลับกลายเป็นผู้มีคดีติดอยู่ใน ป.ป.ช. เราแน่ใจอะไรไม่ได้นอกจากว่า ภายใต้กฎแห่งโลก กรรมการสรรหาผู้นี้ย่อมจะเลือก ป.ป.ช. จากบุคคลที่จะเข้ามาชะล้างคดีของตนเองให้ปราศจากมลทิน


 


เราจะแน่ใจอะไรได้ เมื่อผู้สมัครที่ได้รับการสรรหาจากกรรมการสรรหาทั้ง 18 คน เกินกว่าครึ่งมีบาดแผล เกินกว่าครึ่งมีปัญหาในเรื่องความโปร่งใส เกินกว่าครึ่งใช้ชีวิตและดำเนินงานราชการในแบบไม่ตรงไปตรงมา เกือบครึ่งสัมพันธ์แนบแน่นกับนักการเมืองในรัฐบาล บางคนมีปัญหาในเชิงจริยธรรม บางคนถึงกับมีประวัติในทางทุจริต


 


เราจะได้เห็นอะไร เมื่อคนในระดับที่รวมคุณสมบัติเกือบทุกข้อข้างต้น ถูกจัดวางให้มานั่งเป็นประธาน ป.ป.ช.


 


และต่อไปนี้คือการรวบรวมข้อร้องเรียนต่างๆ ที่มีผู้โยนเข้าใส่ผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 18 คน ซึ่งจำนวน 9 คนในนี้ที่จะได้รับเลือกเป็น ป.ป.ช. จะต้องเคลียปัญหาร้องเรียนเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็น ป.ป.ช.ได้ ก็ทำงานตามหน้าที่ไม่ได้เพราะไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ ต่อให้ชี้เป็นชี้ตายได้ คนก็ไม่ยอมรับ หรือแม้สาธารณชนจะยอมรับได้ ก็ไม่สง่างาม เป็น "บาป" ตลอดชีวิต และไม่รู้เมื่อไรที่จะถูกขุดคุ้ยตีแผ่ประจานลูกหลานของตนเอง


 


ข้อร้องเรียนเหล่านี้มีอะไรบ้าง นับตั้งแต่ คุณสมบัติไม่ถึง เพราะตำแหน่งที่เคยได้รับไม่ถึง "อธิบดี" มองแค่นี้ น่าสงสัยว่า คนที่เป็นตำรวจแต่ไปไม่ถึง "อธิบดี" กรมตำรวจ หรือสมัยนี้ที่เรียกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีปัญหาในการดำรงตำแหน่งนี้หรือไม่, ผู้ได้รับการเสนอชื่อบางคน ใช้ดุลพินิจผิดพลาดครั้งเป็นกรรมการสอบข้อเท็จจริงการทุจริตต่อเติมอาคารของหน่วยงานราชการ


 


บางคนถูกร้องเรียนว่าเลือกปฏิบัติในการแต่งตั้งข้าราชการ, ร่างสัญญาให้สัมปทานคมนาคมกับเอกชนทำให้รัฐเสียเปรียบ, บางคนถูกร้องเรียนว่าบุกรุกที่หลวง มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว, บางคนเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดากับ ส.ส. ในพรรคไทยรักไทย แต่ใช้คนละนามสกุล, บางคนมีบ้านหลังใหญ่โต โดยไม่รู้ว่าเอาเงินมาจากไหน, บางคนทำผิดจนเป็นนิสัยแล้วคิดไปว่าถูก เช่นเอาทรัพยากรของราชการมาใช้แนะนำตัวเอง, บางคนมีพี่สาวทำหน้าที่เฝ้าทรัพย์ให้ภริยานายกรัฐมนตรี และบางคนประกาศตัวเองว่า มีส่วนร่วมปั้นนายกฯทักษิณ สนิทชิดเชื้อกับนายกฯ แต่มีข้อครหาดังออกมาจากมิตรสหายชาวปักษ์ใต้


 


แต่อย่าเพิ่งไปคิดว่า คนเหล่านี้จะผิด ทั้งหมดเป็นแต่เพียงข้อครหาที่มีผู้ร้องเรียน กระนั้นในท่ามกลางข้อร้องเรียนและข้อครหาที่มากมายขนาดนี้ สำหรับตำแหน่ง ป.ป.ช. การเลือกคนผิดเพียงคนเดียวเข้าไปนั่งก็นับว่ามากเกินกว่าจะรับแล้ว


 


แล้วสังคมไทยจะทำอย่างไร เป็นเรื่องที่บางทีอาจจะไม่มีคำตอบ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net