Skip to main content
sharethis

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-19  ก.ย.48 ห้องประชุมHB 7801 ตึกมนุษยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน  จาก  3  มหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ จัดเสวนา เรื่อง  "อุดมการณ์สื่อมวลชนจะดำรงอยู่ได้อย่างไรในกระแสทุน  จากแกรมมี่ถึงโพสต์-มติชน" จับมือผนึกกำลังต้านนายทุนฮุบสื่อ  ย้ำสื่อต้องมีจิตวิญญาณหนักแน่น เสนอทางออกให้ออกกฎหมายป้องกันการครอบครองสื่อ  พร้อมเปิดตลาดทุนนอกระบบให้ประชาชนเข้าซื้อหุ้นร่วมทุน ป้องกันการผูกขาดของกลุ่มทุนใด


 


ดร.กมลณัฏฐ์  พลวัน  ประธานโปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่  กล่าวว่า  หลังจากที่บริษัทแกรมมี่ได้ยอมคืนหุ้นมติชนเหลือเพียง  20 % นั้น  ดูเหมือนเป็นเรื่องดี  แต่เชื่อว่าการลดหุ้น  อาจเป็นการลดธงชั่วคราว  เพราะเข้าใจว่าคงจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ  เพราะว่านี่เป็นนิสัยที่ฝังลึกมานานแล้ว 


 


"ทำอย่างไร  ในแต่ละสถาบันการศึกษาที่ผลิตนักศึกษาด้านการสื่อสารมวลชนเมื่อจบออกมาแล้ว  จะไม่ให้ลูกศิษย์เข้าไปทำงานรับใช้นายทุนแกรมมี่  เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า  สื่อของแกรมมี่นั้นมุ่งเน้นแต่ด้านข่าวสารบันเทิง  ซึ่งแตกต่างสื่อกระแสหลักทั่วไปที่มุ่งเน้นข่าวสารความรู้  ส่วนเรื่องข่าวสารบันเทิงนั้นมาทีหลัง" ดร.กมลณัฏฐ์  กล่าว


 


ด้านนายศรีธรณ์  โรจนสุพจน์  หัวหน้าภาควิชานิเทศศาสตร์  มหาวิทยาลัยพายัพ  จ.เชียงใหม่ ยอมรับว่าสื่อในยุคนี้  เริ่มมีอำนาจทางการเมืองและกลุ่มนายทุนธุรกิจเข้ามาครอบงำมากขึ้น  แม้กระทั่งผู้ที่เป็นนักเลงก็สามารถเข้ามาเจ้าของสื่อหนังสือพิมพ์ได้โดยไม่ต้องเข้าหุ้น    แต่ก็ถูกแทรกแซงอยู่แล้ว จึงอยากให้สังคมไทยพูดกันให้มากถึงรัฐธรรมนูญ 2540 ในมาตรา  41 ที่ให้หลักประกันความเป็นอิสระการทำงานของนักวิชาชีพกันให้มากยิ่งขึ้น 


 


ในขณะที่ รศ.ดร.สดศรี  เผ่าอินจันทร์  หัวหน้าโครงการจัดตั้งคณะการสื่อสารมวลชน  มหาวิทยาลัย เชียงใหม่  กล่าวว่า  ก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี เคยไปพูดที่ต่างประเทศ บอกว่า  สื่อไทยมีความเป็นอิสระ  สามารถด่านายกรัฐมนตรีก็ได้  แต่พอสื่อเสนอกรณีปัญหาชายแดนภาคใต้ ก็กลับกล่าวหาสื่อว่า  ไม่รักชาติ  อีกทั้งยังมีการพยายามควบคุมสื่ออย่างต่อเนื่อง


 


ขณะที่ความวัวยังไม่ทันหาย  ความควายก็มาแทรก  เมื่อเกิดกรณีการฮุบสื่อของนายทุน  ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ใช่สถานการณ์ธรรมดา แต่เป็นสถานการณ์ที่มีกระบวนการแทรกซึม  แทรกซื้อ  และแทรกแซง  รวมถึงกระบวนการควบคุมและครอบครอง  ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากในปัจจุบัน  โดยเฉพาะนักศึกษาที่กำลังจะจบออกไป ตนรู้สึกน่าเป็นห่วง 


 


"ดังนั้น  ทำอย่างไรสื่อมวลชนจึงจะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่น  มีอุดมการณ์ในวิชาชีพของตน  เพื่อตรวจสอบความจริง  ผดุงความถูกต้อง ความยุติธรรม" 


 


รศ.ดร.สดศรี  ได้ชี้ทางออกกรณีปัญหาที่มีความพยายามเข้าฮุบกิจการของโพสต์และมติชนว่า "จะต้องจัดตั้งองค์กรที่เรียกว่า จตุภาคี ซึ่งหมายถึง  สื่อ ประชาชน  นักวิชาการ และองค์กรพัฒนาเอกชน  เข้ามาร่วมมือกัน  เพื่อลุกขึ้นมาปกป้องวิชาชีพของตนตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้  เหมือนเช่นการรวมตัวกันในขณะนี้"


 


" นอกจากนั้น  อยากเสนอให้มีการออกกฎหมายที่ว่าด้วยการป้องกันการครอบครองและแทรกแซงสื่อ  เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกซ้ำสอง  ซึ่งล่าสุด  ได้ข่าวว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ กำลังพยายามร่างกฎหมายนี้ขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มนายทุนและรัฐเข้ามาเทคโอเวอร์ได้อีก  และหากจำเป็นที่สื่อสิ่งพิมพ์จะต้องเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์  รวมทั้งสื่อที่กำลังจะเข้าในอนาคต  จึงน่าจะมีตลาดทุนนอกระบบ  เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีสิทธิ์เข้าไปซื้อหุ้นได้  เพราะว่าสื่อสิ่งพิมพ์เป็นสินค้าทางปัญญา  เป็นเหมือนสินค้าสาธารณะที่มิใช่มุ่งแต่กำไรเพียงอย่างเดียว  หากแก้ไขตรงนี้ได้เชื่อว่าจะเป็นทางออกหนึ่ง" รศ.ดร.สดศรี  กล่าว


 


หลังการเสวนา  นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนจาก 3  สถาบัน ได้มอบช่อดอกไม้ให้แก่ตัวแทนบริษัทมติชนเพื่อเป็นกำลังใจให้ยืนหยัดต่อสู้ต่อไป โดยมีนางจินตนา กิจมี  ผู้สื่อข่าว "มติชน" เป็นตัวแทนรับมอบพร้อมร่ำไห้ ก่อนกล่าวแสดงความรู้สึกตื้นตันที่องค์กรทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาชนได้ให้ความสนใจ  ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


 


ฟันธง "สื่อออนไลน์" อนาคตทางเลือกแทนสื่อหลัก


 


ในประเด็นเรื่องสื่อที่สามารถข้ามพ้นไปจากอิทธิพลการครอบงำหรือแทรกแซงของรัฐและกลุ่มธุรกิจนั้น รศ.ดร.สดศรี  เผ่าอินจันทร์ เห็นว่า สื่อทางเลือกจะมีบทบาทและความสำคัญมากขึ้น


 


"ขอพยากรณ์เอาไว้เลยว่า ต่อไปสื่อทางเลือกไม่ว่า สื่อทางเลือกที่เป็นสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชน โดย


เฉพาะหนังสือพิมพ์ออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต  จะเข้ามามีบทบาทมากกว่าสื่อกระแสหลักในอนาคต  ถ้าหากสื่อกระแสหลักมีความอ่อนแอลง"


 


ส่วนนายศรีธรณ์  โรจนสุพจน์ หัวหน้าภาควิชานิเทศศาสตร์  มหาวิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่ ยอมรับว่าไม่ค่อยมีความหวังกับสื่อกระแสหลักโดยเฉพาะสื่อขนาดใหญ่  เพราะจะถูกอำนาจเข้ามาครอบครอง  ครอบงำมากยิ่งขึ้น


 


"ทำอย่างไรเราจะพัฒนาสื่อขนาดเล็กขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับปัญหาตรงนี้ให้ได้  และขอสนับสนุนให้มีสื่อทางเลือกออกมา ไม่ว่าจะเป็นสื่อหนังสือพิมพ์ชุมชน  วิทยุชุมชน หรือหนังสือพิมพ์ออนไลน์  โดยไม่ให้มีการผูกขาดจากกลุ่มอำนาจรัฐและกลุ่มทุนใดๆ" นายศรีธรณ์ กล่าว


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net