Skip to main content
sharethis

วันนี้ (8 กันยายน 2548) เวลา 14.00 . ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 2 ศาลปกครองเชียงใหม่ได้อ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ อ.๑๑๗/๒๕๔๘ ระหว่าง นางสาวผ่องศรี  อินหลู่กับพวก รวม 866 คน ผู้ฟ้องคดีกับกรมการปกครองที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่ที่ 2 นายอำเภอแม่อายที่ 3 เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย


 


คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า เดิมผู้ฟ้องคดีทั้ง 866 คน ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขสัญชาติเป็นสัญชาติไทยและขอเพิ่มชื่อลงในทะเบียน (..๑๔) ในพื้นที่อำเภอแม่อาย และได้รับอนุมัติจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 แล้วต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้มีประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 ให้จำหน่ายรายการบุคคลจำนวน 1,243 คน ซึ่งรวมถึงผู้ฟ้องคดีทั้ง 866 คน ออกจากฐานข้อมูลทางทะเบียนบ้าน (..๑๔) และบัตรประจำตัวประชาชน ผู้ฟ้องคดีเห็นว่าประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิโต้แย้งชี้แจงหรือแสดงพยานหลักฐานตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ..2539 จึงขอให้ศาลเพิกถอนประกาศดังกล่าว


           


ระหว่างดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลปกครองเชียงใหม่ ผู้ฟ้องคดีจำนวน 11 คน ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำฟ้อง ศาลปกครองเชียงใหม่มีคำสั่งอนุญาตให้ถอนคำฟ้องได้ ต่อมา ศาลปกครองเชียงใหม่มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีของผู้ฟ้องคดีอีกจำนวน 15 คน ออกจากสารบบความเพราะเหตุแห่งการฟ้องคดีหมดไป


           


ศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษาว่า ประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 ที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 สั่งจำหน่ายชื่อและรายการบุคคลรวม 1,243 คน เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากก่อนออกคำสั่งดังกล่าวไม่แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและไม่เปิดโอกาสให้ผู้ฟ้องคดีได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ..2539 จึงพิพากษาให้เพิกถอนประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ฟ้องคดีทั้งแปดร้อยสี่สิบคน


           


ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ อุทธรณ์ว่า การจำหน่ายบุคคลออกจากทะเบียนบ้าน (..๑๔) ตามประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 เป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว จึงขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาและพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น โดยให้ยกฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้งแปดร้อยสี่สิบคน


           


ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ว่า ที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ฟ้องคดีทั้งแปดร้อยสี่สิบคน โดยมิได้เพิกถอนประกาศดังกล่าวทั้งฉบับ ซึ่งหมายความว่า ประกาศดังกล่าวยังชอบด้วยกฎหมาย อันทำให้ผู้ฟ้องคดีที่ถอนคำฟ้องผู้ฟ้องคดีที่ถูกจำหน่ายคดีรวมทั้งที่ไม่ฟ้องคดี จำนวน 403 คน ไม่ได้รับผลของคำพิพากษานี้ อันเป็นการจำกัดสิทธิของบุคคล จึงขอให้ศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 ทั้งฉบับ


           


ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้มีประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 ให้จำหน่ายชื่อและรายการบุคคลรวม 1,243 คน ซึ่งรวมถึงผู้ฟ้องคดีออกจากทะเบียนบ้านนั้น เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการออกคำสั่งอันมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของสิทธิ หรือหน้าที่ของบุคคลเป็นการถาวร ทำให้บุคคลดังกล่าวซึ่งเดิมเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน (..๑๔) เคยมีบัตรประจำตัวประชาชนต้องถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้าน (..๑๔) ไม่มีสัญชาติไทยและต้องคืนบัตรประจำตัวประชาชนให้กับทางราชการ คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ..2539 เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มิได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทั้งหมด ซึ่งจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากประกาศดังกล่าวได้ทราบว่า จะต้องถูกเพิกถอนชื่อออกจากทะเบียนบ้าน (..๑๔) จะต้องเปลี่ยนสถานะจากสัญชาติไทยไปเป็นชนกลุ่มน้อย ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่มีโอกาสได้โต้แย้งหรือแสดงพยานหลักฐานตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ..2539


 


ประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ดังกล่าว จึงเป็นคำสั่งทางปกครองที่ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้เพิกถอนประกาศอำเภอแม่อาย ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 ทั้งฉบับและให้มีผลต่อผู้ถูกกระทบจากประกาศดังกล่าวทุกคน


8 กันยายน 2548

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net