Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 8 ก.ย.48        "การเคลื่อนย้ายแรงงานด้านสาธารณสุข ทั้งพยาบาลและแพทย์ ไปยังสหรัฐ ผ่านการเจรจาเอฟทีเอคงเป็นไปไม่ได้ ทางเขาเพิ่งบอกว่าเรื่องการเข้าประเทศนั้นเป็นเรื่องนอกเหนือเอฟทีเอ เงื่อนไขการเข้าไปทำงานในสหรัฐไม่อยู่ในเอฟทีเอประเทศใด ต้องอยู่ในระดับผู้นำหรือรัฐสภาเท่านั้น เรื่องนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ก็เพิ่งทราบ เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าเจรจาได้"แหล่งข่าวจากสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลกับที่ประชุมอนุกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา


 


ทั้งนี้ อนุกรรมาธิการฯ อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาวิจัย"ผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าไทย-สหรัฐ ที่มีต่อบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข" ซึ่งมีน.พ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สธ. เป็นหัวหน้าคณะวิจัย ขณะเดียวกัน น.พ.สุวัช ก็เป็นเลขาคณะกรรมการของสธ.ที่ดูแลเรื่องสาธารณสุขในการเจรจาข้อตกเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับทุกประเทศด้วย


 


แหล่งข่าวคนดังกล่าว ระบุว่า ทีมเจรจาให้ข้อมูลว่า ในการเจราจาเอฟทีเอกับสหรัฐ สหรัฐไม่ได้สนใจเรื่องการบริการทางการแพทย์ แต่มุ่งเน้นเรื่องสิทธิบัตรยา ซึ่งเป็นจุดยืนของสธ.ว่าไม่ต้องการให้เจรจาเรื่องยา โดยรมว.สาธารณสุข ได้ให้ข้อมูลดังกล่าวกับรมว.พาณิชย์ แล้ว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางสหรัฐก็ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด


 


นอกจากนี้แหล่งข่าวจากสธ.ยังกล่าวด้วยว่า ความเห็นที่ทางตัวแทนสภาการพยาบาลเสนอว่าการทำเอฟทีเอไทย-สหรัฐ ควรบรรจุเรื่องบริการทางการแพทย์ไว้ไม่เกินไปกว่าที่เจรจากับกลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศนั้น คงเป็นไปได้ยาก เพราะในระดับอาเซียนที่อยู่ระหว่างการเจรจาเป็นการเจรจาแบบพหุพาคีซึ่งอาจใช้เวลา 5-10 ปี แต่การเจรจาแบบทวิภาคีกับสหรัฐนั้นใช้เวลาเร็วกว่ามาก


 


"ส่วนเรื่องการลงทุนหรือร่วมทุนด้านบริการทางการแพทย์นั้น กฎหมายไทยเปิดให้ทางสหรัฐลงทุนได้ 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่เขาคงไม่มา เพราะไม่เห็นกำไรเพียงพอ" แหล่งข่าวระบุ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net