เช้าของวันที่ 1 ก.ย. เมื่อ 15 ปีที่แล้ว "สืบ นาคะเสถียร" หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ตัด
สินใจลาโลกไปโดยลำพัง ในบ้านพักของที่ทำการฯ กลางผืนป่าตะวันตก ทิ้งไว้แต่ปริศนาให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง ได้ถกเถียงถึงสาเหตุการจบชีวิตโดยไม่มีบทสรุป
ก่อนการจากไปของ "สืบ" ประเด็นการอนุรักษ์ป่าเพิ่งแตกเป็นหน่ออ่อนในสังคมไทย โดยเฉพาะหลังความทรงจำอันเลวร้ายต่อกรณีสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ภาคใต้จากอุทกภัยและพายุ เป็นเหตุให้ซุงจำนวนมหาศาลไหลจากภูเขาเข้าถล่มชุมชนใน อ.พิปูน และ อ.กระทูน ในจังหวัดนครศรีธรรมราช จนนำไปสู่การยกเลิกการให้สัมปทานป่าไม้ในประเทศไทยเป็นการถาวร
ในห้วงเวลานั้นชื่อของป่า "ทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง" ผืนป่าตะวันตกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และเป็นอันดับต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แทบไม่เป็นที่รู้จักของสังคมไทย อาจจะมีบ้างก็แต่ในหมู่นักวิจัยชาวไทยและจากต่างประเทศ ที่ตื่นตากับความหลากหลายทางชีวภาพของป่าผืนนี้
ไม่เฉพาะป่าไม้และสัตว์ป่าเท่านั้นที่ถูกละเลย แม้แต่ชีวิตของ "พิทักษ์ป่า" ลูกจ้างรายวันซึ่งรับค่าตอบแทนเป็นเบี้ยเลี้ยงต่อวันอันน้อยนิด แลกกับการออกลาดตระเวนดูแลผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลกลับไม่ได้รับการเหลียวแลเท่าที่ควร
"พิทักษ์ป่า" ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นพรานเคยล่าสัตว์ เก็บของป่าขายกิน แต่กลับใจทิ้งอาชีพดั้งเดิมแล้วมาดูแลป่านั้น ส่วนใหญ่มีชีวิตที่ลำบาก เพราะนอกจากเบี้ยเลี้ยงวันละไม่กี่สิบบาท แต่ต้องดูแลหลายชีวิตในครอบ ครัวของตนแล้ว ยังมีภยันตรายจากป่า และโดยเฉพาะจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกัน "นักล่า" ซึ่งทำให้พิทักษ์ป่าคนแล้วคนเล่า ต้องสละชีพฝังกายอยู่บนผืนป่าที่พวกเขารักและหวงแหนยิ่ง
"สืบ นาคะเสถียร" เข้าใจในประเด็นดังกล่าวอย่างลึกซึ้ง เนื่องจาก "พิทักษ์ป่า" ในความดูแลของเขาอย่างน้อย 4 คนต้องจบชีวิตเพราะคมกระสุนของนักล่าสัตว์ โดยในจำนวนนี้ 2 คนเสียชีวิต หลังจากเพื่อนๆ แบกร่างอันบอบช้ำเดินเท้ามาหลายวันกว่าจะถึงมือหมอ อุปกรณ์สื่อสารก็ไม่มี ทั้งอาวุธก็ดูล้าสมัยกว่าฝ่ายตรงข้ามมาก และที่สำคัญ พวกเขาถูกสอนมิให้ใช้ความรุนแรงเพื่อจัดการกับปัญหา เว้นแต่ว่า เป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัว
"เสกสรรค์ ประเสริฐกุล" นักคิด นักเขียน อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับทราบเรื่อง ราวความทุกข์ร้อนจากปากของ "สืบ นาคะเสถียร" เมื่อครั้งเดินทางไปเยือนป่าห้วยขาแข้ง ได้ถ่ายทอดความจริงผ่านสื่อสู่สาธารณะ ขณะเดียวกันได้รวบรวมนักศึกษาที่สนใจปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจัดกิจกรรมหาทุนให้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
คอนเสริ์ต"คนรักป่า" ในงานวันคุ้มครองโลก 23 เมษายน ถูกจัดขึ้น ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และในงาน "สืบ นาคะเสถียร" ได้ขึ้นกล่าวความในใจต่อหน้าผู้เข้าร่วมงานนับพันคน
"วันนี้ ผมขอพูดในนามของสัตว์ป่า" "สืบ นาคะเสถียร" กล่าวในงานวันนั้น
เงินค่าผ่านประตูรวมกับเงินบริจาคต่างๆ รวมแล้วกว่า 2 แสนบาทถูกส่งต่อให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เพื่อใช้เป็นสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่ รวมถึงนำไปปรับปรุงคุณภาพชีวิตของครอบครัวพวกเขาให้ดีขึ้น แต่เงินก้อนดังกล่าวไม่ได้ช่วยชีวิต "สืบ นาคะเสถียร" เพราะหลังจากความช่วยเหลือถึงมือผู้รับเพียง 3 วัน เขาก็ลาจากโลกนี้ไป
หลังมรณกรรมของ "สืบ นาคะเสถียร" สังคมขานรับแนวคิดเรื่องการอนุรักษ์ป่าอย่างขนานใหญ่ มีการตั้ง มูลนิธิ สืบ นาคะเสถียร ขึ้นมาเพื่อสืบต่อเจตนารมณ์ของเขา ขณะที่ป่า "ทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง"เป็นที่รู้จักและต้องต้อนรับผู้คนจำนวนมากที่ศรัทธาในตัว "สืบ" และอยากสัมผัสผืนป่าเขตร้อนที่ได้ชื่อว่า อุดมสม บูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่เวลาของความตื่นตัวอย่างกว้างขวางดำรงอยู่เพียงสั้นๆ ก่อนจะจางหายเหลือเพียงคนจำนวนน้อยที่สานต่ออุดมการณ์อย่างเข้มข้น
เวลา 15 ปีสำหรับคนๆ หนึ่ง อาจหมายถึงเวลาแห่งความวิริยะเพื่อผลักดันตัวเองไปสู่ความสำเร็จ รวมทั้งสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้กับโลกใบนี้ได้มากมายมหาศาล แต่สำหรับ "สืบ นาคะเสถียร" 15 ปีของความทรงจำเกี่ยวกับตัวเขา ได้ผลักดันให้ผู้คนจำนวนมากหาญกล้าที่จะเดินในเส้นทางที่แม้แต่ผู้กล้าต้องย่นระย่อ
เป็นหลักหมายทางจิตวิญญาณสำหรับคนรุ่นปัจจุบัน เมื่อถามหาแบบอย่างตัวตนคนที่ยอมสละแม้ชีวิตเพื่อ
เป้าหมายบางอย่าง
ขอคารวะแด่ จิตวิญาณเสรี วิญญาณแห่งพงไพร "สืบ นาคะเสถียร"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)