Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 สิงหาคม 2548 ที่ศาลจังหวัดสงขลา นายประเสริฐ กาญจนะ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดสงขลา ขึ้นนั่งบัลลังค์พิจารณาคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต 19 ศพ จากเหตุการณ์ปะทะกัน เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 ที่บริเวณหน่วยบริการประชาชน ตลาดสะบ้าย้อยและร้านอาหารสวยนะ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา โดยมีทนายความมาร่วมซักค้าน 5 คน มีญาติผู้เสียชีวิตมาร่วมฟังการไต่สวน 15 คน และพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอำเภอสะบ้าย้อยมาร่วมสังเกตุการณ์ 3 นาย


 


พนักงานอัยการจังหวัดสงขลาได้เบิกตัวพยานปากที่ 4 คือนางโสภาพันธ์ กุณฑโร ครูโรงเรียนสะบ้าย้อย อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 1 ถนนชาญนุเคราะห์ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา อยู่ตรงกันข้ามร้านกับอาหารสวยนะ


 


นางโสภาพันธ์ ให้การว่า ในวันเกิดเหตุตนนอนพักอยู่ในห้องนอนชั้นบนของบ้าน พร้อมกับบุตรสาว 2 คน และหลานอีก 1 คน โดยตนนอนหันหน้าออกทางหน้าต่าง ซึ่งเปิดให้ลมพัดเข้ามาระบายความร้อนภายในห้องอยู่ตลอดเวลา โดยมีมุ้งลวดติดอยู่ เป็นบานหน้าต่างทางทิศเหนือหันเข้าหาร้านอาหารสวยนะ ตนมองเห็นเฉพาะบริเวณที่จอดรถภายในร้าน บริเวณทางเดิน และบริเวณเวทีร้องเพลงภายในร้านเท่านั้น


 


นางโสภาพันธ์ ให้การต่อไปว่า เวลาประมาณ 05.30 น. ตนเห็นชายวัยรุ่น 3 - 4 คน ขับรถจักรยานยนต์ 2 คัน มาจอดหน้าร้านอาหารสวยนะ โดยหันหน้ารถเข้าหาร้าน แล้วลงไปยืนที่ฟุตบาทริมถนนชาญนุเคราะห์ มีบางคนสวมเสื้อยาวแขนยาวสีขาว มีผ้าลายหมากรุกสีขาว สีแดงและสีดำ โพกศรีษะ โดยทั่วไปเรียกว่าชุดดะวะห์ มีกระเป๋าเป้ว่างอยู่ที่รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ขณะนั้นเริ่มมีแสงสว่างแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อนสว่างเร็ว ประกอบกับมีไฟส่องสว่างบริเวณเสาไฟฟ้าริมถนนชาญนุเคราะห์


 


นางโสภาพันธ์ ให้การอีกว่า จากนั้น ประมาณ 2 - 3 นาที เห็นชายวัยรุ่นอีก 20 คน ซ้อนท้ายรถจักรยาน


ยนต์ 10 คัน เข้ามาจอดเรียงกัน ทั้งหมดสวมเสื้อผ้าคล้ายกับชาย 3 - 4 คนแรก และมีกระเป๋าลักษณะใกล้เคียงกัน วางอยู่ในตะกร้ารถทุกคัน จากนั้น มีชายวัยรุ่นคนหนึ่งกระโดดข้ามกำแพง ซึ่งสูงประมาณ 1 เมตร เข้าไปในร้านอาหารสวยนะ แล้วกวักมือเรียกคนอื่นให้กระโดดตามเข้าไป มีวัยรุ่นบางคนกระโดดตามเข้าไปด้วย แต่ตนมองไม่เห็นภายในร้าน เพราะมีต้นไม้ และหลังคาร้านบังอยู่


 


นางโสภาพันธ์ ให้การด้วยว่า ชายวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว เข้าไปรวมกลุ่มกันอยู่ในร้านครู่หนึ่ง จากนั้น ชายคนที่กวักมือเรียกให้เข้าไปในร้าน ได้กระโดดออกมาจากร้าน แล้วเรียกคนอื่นให้ออกมาข้างนอก โดยมีคนถือมีดยาว และปืนสั้นตามออกมาด้วย แต่จำไม่ได้ว่า มีปืนกี่กระบอก แต่ไม่เห็นปืนยาว ต่อมา มีชายวัยรุ่นคนหนึ่งถือปืนสั้น และอีกคนถือมีดยาววิ่งไปทางป้อมตำรวจ ด้านทิศตะวันตกของร้านอาหารสวยนะ โดยมีชายวัยรุ่นอีก 2 คน อยู่ใกล้กับถังขยะหน้าร้านอาหารสวยนะ หยิบไม้หน้าสามที่อยู่บริเวณถังขยะคนละท่อน วิ่งตามไปทางป้อมตำรวจด้วย แต่หน้าบ้านตนมีต้นมะม่วงบังอยู่ จึงมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่ป้อมตำรวจ


 


นางโสภาพันธ์ ให้การด้วยว่า หลังจากนั้นประมาณ 3 - 4 นาที ได้ยินเสียงปืนมาจากป้อมตำรวจ 3 นัดต่อเนื่องกัน จากนั้นก็เห็นชายวัยรุ่นที่ถือไม้หน้าสาม 2 คนวิ่งกลับมาที่กลุ่มชายวัยรุ่นที่ยังอยู่หน้าร้าน อาหารสวยนะ แล้วแตกกระจายออกเป็น 2 กลุ่ม ส่วนใหญ่กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปในร้านอาหารสวยนะ ส่วนอีก 4 - 5 คน วิ่งมาทางบ้านตน ขณะนั้นบุตรสาวตน ซึ่งดูเหตุการณ์อยู่ด้วยบอกว่า ชายวัยรุ่นที่เข้าไปในร้านจุดไฟด้วย ตนหันไปดูเห็นประกายไฟลุกขึ้นมาเหมือนจุดไฟแช็คเพียงครั้งเดียว ตนตกใจกลัวจึงพาลูกและหลานลงไปชั้นล่างแล้วออกทางประตูหลังบ้านไปที่บ้านของครูจำเนียร กำเนิดแก้ว ซึ่งอยู่ห่างออกไปด้านหลังบ้านประมาณ 500 เมตร ระหว่างนั้น เห็นชายวัยรุ่นอยู่บริเวณหลังบ้าน 5 คน แต่ไม่ได้เข้ามาทำร้ายตนกับลูกสาวและหลาน


 


นางโสภาพันธ์ ให้การอีกว่า ระหว่างที่อยู่ที่บ้านครูจำเนียร ได้ยินเสียงปืนมาจากทางป้อมตำรวจ และร้านอาหารสวยนะหลายนัด แต่ไม่สามารถกะระยะของเสียงปืนได้ จนกระทั่งเวลาประมาณ 6.00 น. ได้ยินเสียงประกาศเสียงตามสายของเทศบาลสะบ้าย้อยว่า ขณะนี้มีการปะทะกันบริเวณป้อมตำรวจ ห้ามไม่ให้ใครออกจากบ้านเด็ดขาด ประกาศอยู่ 3 - 4 ครั้ง จากนั้น ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ได้ยินเสียงพูดผ่านโทรโข่งว่า ให้ออกมามอบตัว พูดอยู่หลายครั้ง ต่อมา ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จนกระทั่งเวลา 08.30 น. เสียงปืนจึงสงบลง


 


"จากนั้น ตำรวจก็มาเรียกบอกว่าเหตุการณ์จบแล้ว ดิฉันพร้อมลูกและหลาน จึงออกจากบ้านครูจำเนียร แต่ก่อนจะเข้าไปในบ้านได้บอกให้ตำรวจเข้าไปค้นบ้านก่อน แต่ไม่พบอะไรผิดปกติ ตอนนั้น ดิฉันเห็นตำรวจได้ใช้เชือกกั้น ตั้งแต่หน้าร้านอาหารสวยนะไปจนถึงหน้าวัดสะบ้าย้อย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก โดยมีประชาชนออกมาดูเหตุการณ์จำนวนมาก ดิฉันเห็นตำรวจประมาณ 50 นาย ถืออาวุธปืนยาวและปืนสั้น อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ" นางโสภาพันธ์ กล่าว


นางโสภาพันธ์ให้การต่อไปว่า ตนพร้อมลูกและหลานเข้าไปอยู่ในบ้าน จนกระทั่งไม่แน่ใจว่าเป็นเวลาเท่าใด เห็นตำรวจใช้เชือกดึงศพ 2 ศพที่อยู่หน้าป้อมตำรวจ เนื่องจากศพนอนทับกระเป๋าอยู่ จนเวลาประมาณ 16.00 น. ตำรวจจึงมาเชิญไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอสะบ้าย้อย


 


การไต่สวนสิ้นสุดเวลา 17.00 น. โดยศาลจังหวัดสงขลาได้นัดไต่สวนพยานครั้งต่อไป เวลา 09.00 น. วันที่ 5 กันยายน 2548


 


เป็นที่น่าสังเกตว่า จากการไต่สวนพยานมาแล้ว 4 ปาก ยังไม่มีพยานปากใดเห็นเหตุการณ์ตอนยิง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net