ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-24 ส.ค.48 ชลประทานที่ 1 ยังยืนยันคำสั่ง "ทักษิณ" รื้อฝายล้านนา 3 แห่งทันทีหลังน้ำลด พร้อมทั้งสร้างฝางยางให้เสร็จภายในเวลา 2 ปี ขณะที่กลุ่มผู้ใช้น้ำบุกค่ายกาวิละและสำนักงานชลประทานที่ 1 หลังทหารบอกปัดไม่ทราบเรื่อง
นายสมบูรณ์ บุญชู ประธานคณะกรรมการจัดการลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบน ส่วนที่ 2 พร้อมตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำฝายพญาคำ ฝายท่าวังตาล และฝายหนองผึ้ง เดินทางมายื่นหนังสือต่อตัวแทนทหารค่ายกาวิละ อ.เมือง จ.เชียงใหม่เพื่อขอคัดค้าน กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาสั่งให้มีการรื้อฝายทั้ง 3 แห่งเพื่อสร้างฝายยางแทน โดยอ้างว่าเป็นการช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่นั้น หลังทราบข่าวว่า จะมีการรื้อฝายทั้ง 3 แห่ง โดยมีการขอใช้กำลังของชุดทหารจากค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ในการดำเนินการ
พ.ท.อโณทัย ชัยมงคล เสนาธิการทหาร ตัวแทนทหารจากค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ ได้ออกมาพบกับตัวแทนชาวบ้าน พร้อมกับกล่าวยืนยันว่า ทางค่ายกาวิละไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ได้รับรู้เรื่องนี้มาก่อนว่าจะมีการนำกำลังทหารไปทำการรื้อฝายดังกล่าว และได้แนะนำให้ไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง
หลังจากนั้น ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำทั้งหมด ได้พากันไปที่สำนักงานชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่ เพื่อเข้าพบผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการรื้อฝายทั้ง 3 แห่ง
ซึ่ง นายแสงรัตน์ เบญจพงศ์ ผอ.ชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่ ได้ออกมาพบและกล่าวว่า ตอนนี้บท
บาทหน้าที่ของสำนักงานชลประทานที่ 1 ก็คือ ทำตามนโยบายของรัฐบาลและต้องดำเนินงานไปตามขั้นตอนคือ จะต้องมีการสำรวจสิ่งกีดขวางในลำน้ำปิง ซึ่งคิดว่า หลังจากน้ำลด ก็จำเป็นต้องมีการรื้อฝายนั้นทิ้ง โดยชลประทานจะเป็นตัวหลักที่รับผิดชอบในการวางแผนในการดำเนินการรื้อ ส่วนการรื้อฝายนั้น อาจจะขอกำลังจากทหารชุดพัฒนาเข้าไปดำเนินการ และในกรณีเรื่องมวลชนชาวบ้านที่ออกมาคัดค้านไม่ให้มีการรื้อฝายนั้น ก็คงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้าดูแล เพราะฉะนั้น ต่างฝ่ายต่างต้องทำหน้าที่ของตนไป
ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า หลังจากมีการรื้อฝายทั้ง 3 แห่งแล้ว ก็คงจะเร่งดำเนินการสร้างฝายยางทันที เนื่องจากถือว่าเป็นนโยบายเร่งด่วน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการสร้างฝายยางนั้น จะใช้เวลาอย่างเร็วที่สุด 2 ปี แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จทันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายสมบูรณ์ บุญชู ประธานคณะกรรมการจัดการลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบน ส่วนที่ 2 ก็ยังยืนยันเช่นเดิมว่า ฝายทั้ง 3 แห่ง ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมเชียงใหม่ เพราะว่าฝายดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับถนนประมาณ 4 เมตร และหากมีการรื้อฝายทั้ง 3 แห่งทิ้ง เชื่อว่าพี่น้องชาวบ้านทั้ง 204 หมู่บ้าน ซึ่งมีพื้นที่ในการทำการเกษตรที่ต้องใช้น้ำจากฝายทั้ง 3 แห่งนี้ ทั้งหมด 30,000 กว่าไร่ จะต้องได้รับผลกระทบ ขาดแคลนน้ำใช้อย่างแน่นอน
"เพราะเราอยู่ท้ายน้ำ จำเป็นต้องใช้ระบบเหมืองฝายเหล่านี้ ซึ่งหากรัฐต้องการสร้างเขื่อน สร้างฝายยางเพื่อป้องกันน้ำท่วม ก็ควรจะไปสร้างเขื่อนสร้างฝายในพื้นที่หัวน้ำ ในแถบพื้นที่ อ.แม่แตงเพื่อลดการชะลอไม่ให้น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ ไม่ใช่จะมาสั่งรื้อฝายของชาวบ้านเช่นนี้" นายสมบูรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งว่า วัตถุประสงค์ของการรื้อฝายโบราณทั้ง 3 แห่งทิ้ง เพื่อการทำฝายยางตรงบริเวณหน้าวัดป่างิ้ว อ.สารภี จ.เชียงใหม่ นั้น ก็เพื่อเป้าหมายที่แอบแฝง ซึ่งอาจไม่ได้ก่อสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม และเกษตรกรผู้ใช้น้ำทั้ง 3 อำเภอ ก็ไม่ได้รับผลประโยชน์โดยตรง แต่อาจเน้นเป้าหมายในรูปแบบการท่องเที่ยวทางเรือของกลุ่มผู้ประกอบกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยวบางกลุ่มเท่านั้น โดยเอาสถานการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่มาเป็นข้ออ้าง ซึ่งขณะนี้ ยิ่งทำให้ชาวบ้านเกิดไม่น่าเชื่อถือและเกิดความเครียดระแวงอย่างหนัก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)