ตารางแสดงข้อคิดเห็นและประเด็นคัดค้าน พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ของ 4 กลุ่ม/องค์กร
หน่วยงาน | หลักการ | มาตราที่มีปัญหา | ข้อเสนอแนะ |
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ต่อ) | 1.การเพิ่มอำนาจฝ่ายบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินไม่อาจยกเว้นการตรวจสอบภายใต้ระบบขององค์กรตุลาการ 2. ไม่มีความจำเป็นต้องออกพ.ร.ก. เพราะกฎหมายเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามหรือฉุกเฉินเดิมมีอยู่หลายฉบับ คือ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกพ.ศ.2475 พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2495 รวมถึงกฎหมายอาญา 3.การบังคับใช้พ.ร.ก.อาจเกิดผลกระทบต่อระบบคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วยเหตุ 2 ประการข้างต้น อาจส่งผลให้สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทวีความรุนแรงขึ้น | มาตรา 9(2) ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ไปจำกัดสาระสำคัญในเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบที่รัฐธรรมนูญรับรอง หากจะจำกัดสิทธิการชุมนุมต้องเป็นกรณีที่ประเทศอยู่ในสถานการณ์สงครามหรือฉุกเฉินหรือประกาศ ใช้กฎอัยการศึก แต่พ.ร.ก.นี้กำหนดเป็นอำนาจทั่วไปที่นายกฯ สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแต่อย่างใด มาตรา 9(3) การห้ามเสนอข่าว...หรือสิ่งอื่นใดที่มีช้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว ไปจำกัดสาระสำคัญในเสรีภาพในการแสดงคามคิดเห็น ซึ่งการจะจำกัดได้ประเทศต้องอยู่ในสถานการณ์สงครามเท่านั้น ,ขัดกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง มาตรา ..... การจับกุมคุมตัวบุคคลต้องสงสัย ให้เจ้าหน้าทีขออนุญาตจากศาล และมีอำนาจคุมตัวได้ไม่เกิน 7 วัน หากจะขยายเวลาทำได้คราวละ 7 วัน รวมทั้งหมดไม่เกิน 30 วัน ไปจำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรอง และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองฯ มาตรา ...... พนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง อาญา หรือทางวินัย จากการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตไม่กินสมควรกว่าเหตุ ไปจำกัดสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายที่รัฐธรรมนูญรับรอง, เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ปฎิบัติการโดยไม่ธรรมกับผู้บริสุทธิ์ , ขัดกติระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองฯ การปฏิบัติต่อบุคคลไม่จำแนกเยาวชนออกจากบุคคลทั่วไป ขัดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองฯ และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก | ขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกพ.ร.ก. หรือปรับปรุงให้มีภาคส่วนต่างๆ เข้ามีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการแก้ปัญหา |
คณะกรรมาธิการนิติกรระหว่างประเทศ The International Commission of Jurists (ICJ) เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คณะกรรมาธิการนิติกรระหว่างประเทศ (ต่อ) The International Commission of Jurists (ICJ) เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คณะกรรมาธิการนิติกรระหว่างประเทศ (ต่อ) The International Commission of Jurists (ICJ) เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | 1.พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจให้นายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่เหนือทุกหน่วยงานในการประกาศภาวะฉุกเฉินในส่วนใดของประเทศก็ได้ 2.การให้อำนาจเป็นไปอย่างกว้างขวางมาก แต่ขอบเขตของการใช้อำนาจกลับนิยามอย่างคลุมเครือ 3.ลดภาวะที่ต้องรับผิดชอบของรัฐบาลอันพึงมีต่อศาลยุติธรรม | ความคลุมเครือของการนิยามความหมายของถ้อยคำหรือขอบเขตของมาตราต่างๆ ซึ่งเป็นไปอย่างกว้างขวางอาจนำไปสู่ความไม่ชอบธรรมเพียงพอต่อการใช้ เช่น- มาตรการมาตรา 11(6) ให้อำนานายกฯ ออกคำสั่งให้บุคคลใดก็ตาม "มิให้ทำหน้าที่หรือให้ทำหน้าที่หรือปฏิบัติการใดๆ" ก็ได้เพื่อความมั่นคง, - ความไม่ชัดเจนของ "เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่" ที่นายกฯ จะมอบหมายอำนาจให้ เช่น การจับกุม, - การจับกุมอยู่นอกกรอบระบบยุติธรรมและขาดการระบุสิทธิต่างๆ เช่น สิทธิในการขอพบทนายทันที รวมถึงสถานที่ควบคุมตัวก็ไม่ระบุชัดเจนเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของผู้ถูกจับกุมมากขึ้นอีก - การใช้ภาษาคลุมเครือเกี่ยวกับการควบคุมสื่อและการแสดงออกในรูปแบบอื่น นอกจากนี้ยังลดภาระที่ต้องรับผิดชอบต่อรัฐสภา เพราะ -ไม่ผ่านการอภิปรายที่เปิดเผยต่อสาธารณชน -ไม่เปิดโอกาสให้ปัจเจกบุคคลมีวิธีการที่ทรงประสิทธิภาพเพื่อทดสอบหรือโต้แย้งในชั้นศาลว่า เป็นการแทรกแซงสิทธิของตนหรือไม่ เพราะห้ามอย่างชัดเจนมิให้ปัจเจกบุคคลแสวงหาทางแก้ข้อกล่าวหาได้ตามปกติในศาลปกครอง -มาตรา 17 ระบุชัดมิให้มีการดำเนินการทางอาญา แพ่งและวินัย กับเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใช้อำนาจในภาวะฉุกเฉินตามอำเภอใจ | 1. ขอเร่งเร้าให้รัฐบาลขอความเห็นชอบจากรัฐสภาไทยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ตรามาตรา 213(3) ของรัฐธรรมนูญไทย 2. นิยามของสถานการณ์ต่างๆ ที่จะใช้เป็นข้ออ้างความชอบธรรมเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉิน ควรต้องสอดคล้องกับ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) 3. รัฐบางควรต้องชี้แจงด้วยว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องนั้น ต้องผ่านการตรวจสอบจากฝ่ายรัฐสภาเป็นระยะๆ 4.ผลที่ตามมา คือ การให้ความเห็นชอบของฝ่ายรัฐสภาต่อการประกาศภาวะฉุกเฉินภายใต้มาตรา 213 ของรัฐธรรมนูญไทย ควรต้องตรวจสอบทั้งความาถูกต้องชอบธรรมของการประกาศ และอำนาจต่างๆ ที่มอบให้เพื่อใช้ดำเนินการได้จริง 5. รัฐบาลควรทบทวนการตัดโอกาสของผู้ต้องหาหรือผู้ถูกจับกุม ที่จะขอพึ่งอำนาจศาลปกครองเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อให้บุคคลสามารถขอรับความเป็นธรรมจากศาลที่เป็นอิสระได้ตลอดเวลา และสามาตรขอมาตรการแก้ไขเยียวยาที่ทรงประสิทธิภาพ 6.รัฐบาลควรให้การตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรมครอบคลุมไปถึงการพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของการออกประกาศฉุกเฉินและนัยในแต่ละข้อของคำประกาศด้วย 7. รัฐบาลควรยกเลิก มาตรา17 ที่ทำให้ผู้ใช้อำนาจปลอดจากการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี 8. รัฐบาลควรยกเลิกมาตรา 11 (6) ซึ่งบัญญัติอย่างคลุมเครือและเปิดโอกาสให้ตีความได้กว้างขวางมากเกินไป 9. การประกาศภาวะฉุกเฉินควรระบุชัดเจนว่า มีผลบังคับใช้เมื่อไรและใช้กับใครบ้าง 10. ผู้มีอำนาจควรดำเนินการให้แน่ใจว่า บทบาทของกองทัพเหล่าต่างๆ มีนิยามและกรอบจำกัดที่ชัดเจน รวมทั้งกำหนดไว้ด้วยว่าฝ่ายทหารจะไม่ทำหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน ยกเว้นกรณีจำเป็น 11. พ.ร.ก. ควรต้องแก้ไขเพื่อความกระจ่างเพื่อความกระจ่างชัดในการควบคุมตัวบุคคลนอกเหนือจากกรอบกฎหมายอาญาในภาวะปกติ 12. รัฐบาลต้องย้ำว่าบุคคลที่ถูกควบคุมตัวจะต้องถูกนำตัวไปขึ้นศาลโดยเร็วเพื่อฟ้องร้องกล่าวโทษ โดยผู้ถูกควบคุมตัวมีสิทธิ์โต้แย้งต่อหน้าศาลด้วว่าการควบคุมตัวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 13. ต้องควบคุมตัวบุคคลในสถานที่กักขังที่รู้จักกันโดยทั่วไปเท่านั้น และพึงปฏิบัติต่อผู้ถูกควบคุมตัวบนสมมติฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งต้องบัญญัติชัดเจนว่าผู้ถูกควบคุมตัวมีสิทธิ์จะมีทนายความทันที มีสิทธิ์ให้ครอบครัวเข้าเยี่ยม 14. มีแต่หน่วยงานฝ่ายกฎมายที่ควรมีอำนาจเรียกบุคคลตามประกาศภาวะฉุกเฉิน และบุคคลมีสิทธิ์ปฏิเสธการให้ปากคำในชั้นพนักงานสอบสวน 15. ควรตัดทอนหรือแก้ไขพ.ร.ก. ว่าด้วยการจำกัดสิทิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นและการขุมนุม 16. รัฐบาลควรดำเนินการให้แน่ใจได้ว่าจะใช้อำนาจเฉพาะในกรณีจำเป็น และมีมาตรการป้องปรามมิให้เกิดการใช้อำนาจตามอำเภอใจ และการตรวจค้นแทรกแซงสิทธิของบุคคลควรอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายตุลาการ |
สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภา (ต่อ) | พ.ร.ก.ทั้งฉบับขัดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา อาทิ 218 ,3,29,31,35,36,37,39,41,237,238 ซึ่งเป็นการสร้างระบบที่บกพร่องผิดพลาดอาจนำไปสู่การเกิดความเสียหายร้ายแรง ทำลายระบบรัฐสภาและการปกครองรอบอบประชาธิปไตย | มาตรา 5 ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียวในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และดำเนินการต่างๆ ที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งขัดต่อมาตรา3 ของรัฐธรรมนูญที่ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย มาตรา 9 ให้อำนาจนายกรัฐมนตรีในการออกข้อกำหนดที่กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยไม่ผ่านกระบวนการตรากฎหมายของรัฐสภา มาตรา 11(1) และมาตรา 12 ในการควบคุมตัวบุคคลผู้ต้องสงสัย ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 235,237 และกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 11 (2) (3) (4) (5) ให้อำนาจนายกฯ แทนศาลยุติธรรมในการประกาศให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจออกคำสั่งเรียกบุคคลมารายงานตัว ตรวจค้น ทำลายสิ่งปลูกสร้าง เป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลยุติธรรม มาตรา 16,17 เป็นการยกเว้นความรับผิดต่อศาลปกครอง และความรับผิดทางแพ่ง อาญา ซึ่งเป็นการปฏิเสธหลักการสอบอำนาจโดยองค์กรตุลาการอย่างสิ้นเชิง | เสนอเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินนำเสนอเรื่องดังกล่าวพร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่าพ.ร.ก.ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ |
คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ 12 สถาบัน คณาจารย์คณะนิติศาสตร์ 12 สถาบัน (ต่อ) | - การตราพ.ร.ก.ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ทั้งเงื่อนไขการตราพ.ร.ก.เพิ่มอำนาจฝ่ายบริหารโดยปลอดจากการตรวจสอบใดๆ และพ.ร.ก.นี้มิใช่เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามมาตรา 218 วรรคหนึ่งตามรัฐธรรมนูญ | - บางมาตรามีเนื้อหารการบังคับใช้เหมือนกฎหมายเดิมที่มีอยู่ แต่เพิ่มอำนาจให้ฝ่ายบริหารมาก เช่น มาตรา 5,11 - มาตรา 9(3) และ 11 (5) ที่ห้ามเสนอข่าว และการให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจตรวจสอบและยับยั้งการสื่อสาร เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 39 - มาตรา 11 (6) ให้อำนาจนายกฯ สั่งให้ทำหรือห้ามกระทำการใดๆ ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 29 - มาตรา 11(1),12 เกี่ยวกับการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 237 - มาตรา 16 และ 17 ยกเลิกอำนาจศาลปกครองและยกเว้นความผิดของเจ้าหน้าที่ทั้งอาญา แพ่ง วินัย ขัดมาตรา 234 วรรคสอง และ 237 ตามรัฐธรรมนูญ - การตราพ.ร.ก.ไม่เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง โดยขัดแย้งกับข้อ 4,6,7,8,11,15,16,18 | ชอให้สมาชิกผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาโปรดใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบและไม่อนุมัติพ.ร.ก. เพื่อพิทักษ์ปกปักรักษารัฐธรรมนูญ หลักนิติธรรม และสิทธิเสรีภาพของประชาชนชาวไทย |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)