น.ส.ปรานม สมวงศ์ กลุ่มประสานงานเพื่อเพื่อนพม่า จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นรำลึกถึง เหตุการณ์นองเลือดเพื่อประชาธิปไตยในพม่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2531 ที่นักศึกษาประชาชนชาวพม่า ได้ออกมาต่อสู้และเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศของตน จนเกิดการนองเลือดล้มตายกันมากมาย ซึ่งทำให้นักศึกษาและประชาชนชาวพม่าส่วนหนึ่งต้องหนีตายมาพึ่งพิงในประเทศไทย ซึ่งอย่างน้อยก็อยากให้คนไทยและคนเชียงใหม่ ได้รับรู้และเข้าใจในความรู้สึกของพวกเขาว่า วิถีชีวิตของพวกเขานั้นต้องทุกข์ยากลำบากแค่ไหน กับการกระทำของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า
นายเยนี (Ye Ni) อดีตนักศึกษาพม่าในเหตุการณ์ 8-8-88 กล่าวว่า การจัดงานในวันนี้เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์การต่อสู้ของนักศึกษาประชาชนชาวพม่า เมื่อ 17 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในตอนนี้เหตุการณ์ยังไม่เปลี่ยน แต่ประชาธิปไตยก็ต้องก้าวต่อไป เพราะเป็นความฝันของประชาชนชาวพม่า แม้ว่าในการต่อสู้นั้นจะความเจ็บปวด แต่พวกเราก็ยังมีความหวัง
ผู้หญิงอาวุโสชาวพม่าคนหนึ่งที่มาร่วมงาน ชี้ให้ดูรูปภาพที่ถูกรัฐบาลทหารพม่าจับกุมในข้อหานักโทษการเมือง พร้อมกล่าวว่า สามีของเขาอยู่ในขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่า และถูกจับเป็นนักโทษการเมืองอยู่ในคุกอินเส่งมากว่าสิบปี และวันหนึ่งก็ได้ข่าวว่าถูกทรมานจนเสียชีวิต โดยไม่รู้ว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด และตนเองก็จำต้องหนีเข้ามาอยู่ในเมืองไทย เพราะอยู่ในพม่ามีแต่อันตราย
นายตัน หน่าย (Thein Naing) อดีตนักศึกษาพม่าอีกคนหนึ่ง ที่อยู่ในขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ปี 1988 กล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ได้เดินขบวนเรียกร้องในเหตุการณ์ ซึ่งการชุมนุมเรียกร้องของเรา พยายามที่จะเรียกร้องด้วยสันติวิธี แต่ทหารพม่าก็พยายามกดดัน ใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้น
"ซึ่งเหตุการณ์ได้ตึงเครียดขึ้น หลังจากที่รัฐบาลทหารพม่าได้ยิงนักศึกษาคนหนึ่งเสียชีวิต จึงทำให้กลุ่มนักศึกษาและประชาชนชาวพม่าทั้งหมดไม่พอใจ จนเกิดการชุมนุมกันครั้งใหญ่ และถูกทหารพม่าเข้าเข่นฆ่าพี่น้องของเราบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ถึงอย่างไร พวกเราก็ยังจะเรียกร้องต่อสู้ต่อไป จนกว่าจะประเทศพม่าจะได้ประชาธิปไตย" นายตัน หน่าย กล่าว
ด้าน นายมาร์ค ตามไท คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) กล่าวถึงเหตุการณ์การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า โดยหยิบยกตัวอย่างเหตุการณ์เรียกร้องต่อสู้ของนักศึกษาประชาชนในเกาหลีใต้ ว่า การเรียกร้องในแต่ละประเทศนั้นไม่เหมือนกัน และการต่อสู้ในแต่ละพื้นที่นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทุกคนก็ต้องเชื่อวิถีการต่อสู้ของตน
หลังจากนั้น ตัวแทนนักศึกษาชาวพม่าที่เคยถูกจำคุกและออกมา ได้ออกมาเล่าบรรยากาศของการถูกจองจำในคุกอินเส่ง ซึ่งการแสดงการใส่ชุดนักโทษ และใส่โซ่ตรวน พร้อมมีการเอาผ้าคลุมศีรษะก่อนทำการทารุณอย่างโหดร้าย โดยได้บอกย้ำว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมา ได้มีความรู้สึกว่า รัฐบาลทหารพม่าพยายามใช้ความรุนแรงกับประชาชนทุกคนที่ลุกมาต่อต้าน แต่สิ่งที่แสดงให้เห็นในครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการให้รู้สึกเศร้า ไม่ได้ต้องการให้ท้อ แต่ต้องการให้สู้ต่อไป
โดยภายในงานดังกล่าว ได้มีการแสดงศิลปะสดประเด็น "กุญแจสู่อิสรภาพ" การแสดงเสียงแห่งศิลปะเพื่อเสรีภาพ การบอกเล่าเรื่องราวส่วนบุคคลจากเหตุการณ์ปี 88 นิทรรศการ การฉายวีดีโอ และจบท้ายด้วยการแสดงดนตรีของนักดนตรีชาวพม่า