60 ปีฮิโรชิมา กับตำนานนกกระเรียนพันตัว

 







 

 

 

 

 

 

 

 

6  สิงหาคม 2488 ระเบิดปรมาณูลูกแรกถูกทิ้งลงไปถล่มเมืองฮิโรชิมาของประเทศญี่ปุ่น นับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ระเบิดปรมาณูในสงคราม และนับเป็นครั้งแรกที่มวลมนุษยชาติได้สัมผัสกับอานุภาพแห่งระเบิดปรมาณู อีก 3 วัน ต่อมา 9 สิงหาคม 2488 ระเบิดลูกที่สองก็ตามมาอีกที่เมืองนางาซากิ ผลก็คือ ต่อมาวันที่ 14 สิงหาคมญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ เป็นการยุติมหาสงครามเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ 2

 

ผลจากระเบิดปรมาณูครั้งนั้น เชื่อว่าทำให้ชาวเมืองฮิโรชิมาร้อยละ 40 ต้องเสียชีวิต และเช่นกันที่เมืองนางาซากิที่ได้เสียชีวิตของพลเมืองไปประมาณร้อยละ 31 โดยมีผู้ที่รอดชีวิตในฮิโรชิมาประมาณ 210,000 คน และ 166,000 คนที่นางาซากิที่รอดชีวิตมาจากเหตุการณ์นั้นได้หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่าเป็นพวก ไฮบากูชะ (Hibakusha)นั้น ต้องเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน จากผลกระทบที่ได้รับจากกัมมันตภาพรังสี ที่เรียกว่าเป็นคีลอยด์ ( keloid- สภาพผิวหนังที่เป็นแผลนูนขึ้นมา)  บางคนก็เป็นทั้งตัว บางคนก็เป็นทั่วใบหน้า  และนอกจากนั้นก็ยังมีผลสืบเนื่องมาจนปัจจุบัน หลายคนต้องเป็นไทรอยด์เป็นพิษ หลายคนมีเนื้อร้ายที่ก่อมะเร็งในที่สุด

 

ซาดาโกะ ซาซากิ อายุได้เพียง 2 ขวบ ในตอนที่ระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงที่ฮิโรชิมา  อีก 10 ปีต่อมา ( 2498) เธอป่วยด้วยโรคลูคีเมีย เธอทุกข์ทรมานจากโรคนี้ มาก แต่ด้วยความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่บอกว่าหากใครก็ตามที่สามารถพับนกกระเรียนได้ถึง 1 พันตัวจะทำให้คำอธิษฐานขอพรใดๆเป็นจริงขึ้นมาได้ ด้วยความปรารถนาที่จะหายจากโรคนี้ ซาดาโกะจึงเริ่มลงมือพับนกกระเรียนที่เตียงในโรงพยาบาลที่รักษาตัวอยู่นั่นเอง

 

ทว่า 8 เดือนหลังจากการรักษาตัว เด็กหญิงก็เสียชีวิตลงโดยที่เธอพับนกกะเรียนไว้ได้แล้วถึง 666 ตัว  เมื่อเพื่อนในชั้นเรียนของเธอรู้ข่าวการจากไปของเธอก็รู้สึกตกใจและเมื่อรู้เรื่องการพับนกกระเรียนของเธอ เพื่อนๆจึงได้ช่วยกันมาสานต่อการพับนกกระเรียนจนครบ และได้เริ่มเก็บเงินกันเพื่อสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ดวงวิญญาณของเธอและดวงวิญญาณของเด็กคนอื่นๆที่ต้องเสียชีวิตไปเนื่องจากสงคราม ซึ่งในที่สุดก็เกิดเป็นอนุสาวรีย์สันติภาพของเด็กขึ้นที่อนุสรณ์สถานที่เมืองฮิโรชิมาขึ้นมาในปี 2501 ที่เป็นภาพเด็กหญิงกำลังปล่อยนกกระเรียนอยู่เหนือศีรษะ ที่ยังคงปรากฏอยู่จนทุกวันนี้

 

ซาดาโกะนั้นจากไปแล้ว แต่ เคโกะ โอกุระ นั้นยังคงอยู่ เธอก็เด็กที่อยู่ในวันไล่เลี่ยกันกับซาดาโกะเมื่อตอนที่ระเบิดลงที่ฮิโรชิมา ทุกวันนี้หากดูเพียงภายนอกแล้วหน้าตาเธอดูเหมือนจะเป็นปกติ ทว่า บาดแผลในใจนั้นอย่างไรก็ไม่หาย

 

"ฉันไม่มีแผลตามตัว  แต่ฉันยังคงฝันร้ายอยู่" เคโกะกล่าว เธอก็เหมือนๆกับบรรดาเหล่าผู้รอดชีวิต หรือไฮบากูซะทั้งหลายที่ ได้รับการตรวจเช็คร่างกายจากคณะกรรมการผู้บาดเจ็บจากระเบิดปรมาณู ในช่วย2-3 เดือนแรกหลังจากที่มีระเบิด โดยทางสหรัฐฯนั้นหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลงแล้วก็ได้เข้ามาให้การดูแลทางการแพทย์แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และขณะเดียวกันก็มีส่งทีมนักวิทยาศาสตร์เข้ามาศึกษาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคนที่ได้รับกัมมันตภาพรังสี

 

เคโกะกล่าวว่ามีรถมารับเธอเพื่อไปตรวจเช็คร่างกายอยู่หลายครั้ง และ เธอก็มีความรู้สึกกลัวอยู่เสมอ เธอกลัวว่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในตัวเธอ เป็นความกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น ซึ่งในตอนนั้นพบว่า เธอมีภาวะเลือดจางเล็กน้อย   เธอก็ถามตัวเองทันทีว่านี่เกิดจากระเบิดใช่หรือไม่ และยังถามตัวเองต่อไปว่าแล้วต่อไปจะมีลูกตามปกติได้ไหม

 

ความกลัวที่เกิดขึ้นกับเคโกะนั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะเด็กๆมีอยู่ในยุคนั้นต่างพบกับความกลัวเช่นนี้กันทั้งสิ้น หลายคนยังมีอาการหลอนอยู่จนทุกวันนี้

 

วันนี้เหตุการณ์ในฮิโรชิมานั้นล่วงเลยมาถึง 60 ปี แล้วแต่ผลของการกระทำที่ใช้กำลังใช้รุนแรง การใช้อาวุธที่มีอานุภาพการทำลายล้างอย่างมหาศาลนั้นยังคงอยู่ เหตุการณ์ ฮิโรชิมานั้นทำให้ญี่ปุ่นต้องยุติการใช้กำลังทหารเข้าต่อสู้ และ มีข้อตกลงทีจะไม่มีการผลิตอาวุธ อานุภาพสูงอีก

 

ทว่า จนกระทั่งปัจจุบันนี้ แม้ผลจากการใช้ปรมาณูได้เสนอภาพให้เห็นแล้วว่าการใช้ความรุนแรงนั้นก่อให้เกิดความเสียหายต่อมนุษยชาติทั้งปวงมากขนาดไหน แทนที่บรรดาประเทศน้อยใหญ่ในโลกนี้จะร่วมกันขจัดอาวุธเหล่านั้นให้หมดไป  ทว่า ยังคงมีประเทศต่างๆอย่างน้อย 8 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ รัสเซีย ฝรั่งเศส เกาหลีเหนือ จีน อินเดีย และ ปากีสถาน ( อาจรวมทั้งอิหร่าน) ยังคงครอบครองอาวุธนิวเคลียร์และยังคงพัฒนาอาวุธชนิดนี้อยู่ และที่สำคัญอาวุธนิวเคลียร์ที่มีอยู่ในขณะนี้นั้นมีอานุภาพที่ร้ายกว่าปรมาณูที่ถล่มฮิโรชิมาเสียอีก

 

ฮิโรชิมา 60 ปี ไม่ได้เตือนใจให้กับบรรดาชาวโลกทั้งหลายเลยหรือว่า ความรุนแรงเพียงหนึ่งครั้งที่ใช้ไปนั้นสร้างผลกระทบให้เกิดแก่มนุษยชาตินานกว่า 1 ชั่วคน แล้วยังคงจะใช้ความรุนแรงและพัฒนาอาวุธเพื่อทำลายล้างโลกกันอีกต่อไปหรือ

 

ขอไว้อาลัยแด่ ผู้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อสงครามและเหยื่อความรุนแรงทุกคนในโลก และหวังว่านกกระเรียนของซาดาโกะจะได้ดลใจให้ผู้คนที่ใฝ่หาสันติภาพได้รับสันติภาพในเร็ววัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท