รู้จักโพแทสเซียมคลอเรต
โพแทสเซียมคลอเรต เป็นสารที่เกษตรกรนำมาใช้เพื่อกระตุ้นการออกดอกของลำไยทั้งในและนอกฤดูกาล แต่ปัญหาที่สำคัญคือ สารดังกล่าวเป็นสารตั้งต้นของวัตถุระเบิดร้ายแรง และอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเป็นยุทธภัณฑ์ หากการใช้ไม่ถูกต้องอาจเกิดอันตรายได้จากการระเบิด เมื่อถูกการกระแทก หรือลุกติดไฟในที่จำกัด ดังเช่น เหตุการณ์ระเบิดที่โรงงานอบแห้งลำไยที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ การใช้สารดังกล่าวมีการขออนุญาตซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก แต่ปัจจุบันมีการอนุโลมให้เกษตรกรใช้และครอบครองสารโพแทสเซียมคลอเรตได้ภายใต้การควบคุมของกระทรวงกลาโหมโดยตรง แต่เนื่องจากมีการใช้สารดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง ทำให้มีการครอบครองโพแทสเซียมโดยเกษตรกรทั้งรายใหญ่และรายย่อยกระจัดกระจายตามพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งยากต่อการควบคุมและป้องกัน จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นเมื่อกลางปี 2542
รู้ใช้อย่างปลอดภัย
งานวิจัย "การพัฒนาการเร่งดอกลำไยที่มีโพแทสเซียมคลอเรตเป็นองค์ประกอบหลักในรูปแบบที่ปลอดภัยและสะดวกในการใช้ของชาวสวนลำไย" โดยดร.
การประกอบสูตรสารผสมโพแทสเซียมคลอเรตชนิดปลอดภัยจากการระเบิดนี้สามารถทำได้ใน 4 ลักษณะคือ ชนิดผง, ชนิดเม็ด ชนิดละลายน้ำและชนิดละลายน้ำรวมแร่ธาตุอาหาร และทดสอบการระเบิดของสูตรทั้ง 4 เพื่อยืนยันถึงความปลอดภัยไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตามเมื่อทราบถึงส่วนผสมต่าง ๆ แล้ว ได้ทำการ ศึกษาถึงกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย เช่น วิธีการเตรียมโพแทสเซียมคลอเรต ชนิดของเครื่องผสม การผลิตสารผสมขั้นต้น เพื่อนำไปแปรรูปเป็นสูตรต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยที่สุดในรูปแบบต่าง ๆ คือ แบบผงไม่ละลายน้ำ แบบผงละลายน้ำ แบบผงละลายน้ำผสมแร่ธาตุ และแบบเป็นเม็ดสำหรับหว่าน
"เมื่อพัฒนาสูตรสำเร็จแล้ว ได้มีการทดลองใช้ในสวนของเกษตรกร 3 ราย จำนวน 125 ต้น และได้ผลดี โดยวัดจากการออกช่อ การติดผล และคุณภาพผลเมื่อเก็บเกี่ยว หลังจากนั้นจึงทดลองซ้ำกับเกษตรกรอีก 9 ราย จำนวน 290 ต้นและวัดผลในเชิงคุณภาพโดยใช้การสัมภาษณ์และออกแบบสอบถามทัศนคติกับเกษตรกรผู้ใช้ และวัดในเชิงปริมาณโดยวัดการออกดอก ความยาวช่อ และการติดผลพบว่า เกษตรกรมีความพอใจ และต้องการใช้ต่อไป โดยมีเกษตรกรในละแวกใกล้เคียงให้ความสนใจและต้องการซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ต้องการให้มีหน่วยงานควบคุมคุณภาพ และมีราคาไม่แพงกว่าโพแทสเซียมคลอเรตบริสุทธิ์ที่มีราคาประมาณกิโลกรัมละ 100 บาท โดยเกษตรกรมีความพอใจสารผสมรูปแบบผงละลายน้ำมากที่สุด รองลงมาคือรูปแบบเม็ด เพราะสะดวกในการใช้ โดยละลายในน้ำและรดเพียงรอบเดียว ซึ่งถ้าเป็นแบบหว่านต้องมีการรดน้ำจนกว่าเม็ดจะละลายหมด นอกจากนั้น การใช้ในรูปแบบละลายน้ำยังพบว่าทำให้ออกดอกมากกว่า ช่อดอกยาวกว่า และติดผลมากกว่า"
ดร.สมคิด กล่าวว่า เกษตรกรในแถบ อ.สันป่าตอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และอ.แม่ทา อ.เมือง จ.ลำพูน ที่ได้ทดลองนำสารเร่งดอกลำไยชนิดที่ปลอดภัยไปใช้ต่อเนื่องและได้ผลดี จนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ห้าเป็นตัวอย่างให้เกษตรกรใกล้เคียงได้เรียนรู้ ทำให้มีความต้องการสารที่ปลอดภัยมากขึ้นในวงกว้างและเรียกร้องให้มีการผลิตเชิงพาณิชย์โดยเร็วที่สุด และติดต่อให้ผู้วิจัยผลิตสารผสมเพื่อใช้ในระยะที่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ออกจำหน่าย
ผลการวิจัยนี้ได้ถูกนำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและควบคุม เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการยุติให้เกษตรกรครอบครองสารบริสุทธิของโพแทสเซียมคลอเรตและส่งเสริมให้เอกชนมากกว่า 1 ราย ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตสารผสมดังกล่าวในรูปแบบคล้ายปุ๋ย เพื่อดำเนินการผลิตภายใต้การควบคุมของกระทรวงกลาโหม และยกเลิกการควบคุมลักษณะยุทธ์ปัจจัยสำหรับสารผสมที่ปลอดภัย โดยมีการควบคุมคุณภาพให้อยู่ในมาตรฐานโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อนำไปสู่การจำหน่ายให้แก่เกษตรกรในรูปแบบที่ปลอดภัยจากการระเบิด
รู้คำนึงถึงสุขภาพ
นอกจากจะทราบถึงวิธีนำสารโพแทสเซียมคลอเรตมาใช้อย่างปลอดภัยแล้ว แนวทางในการศึกษาถึงผลกระทบของการใช้สารดังกล่าวในกรณีผู้บริโภคก็เป็นสิ่งจำเป็น โดย รศ.ดร.
ที่มาชัดเจนแน่นอนว่ามาจากสวนที่ไม่มีหรือมีการใช้โพแทสเซียมคลอเรตเป็นสารเร่งดอก นำมาอบแห้งเองในห้องปฏิบัติการ และ2.นำลำไยอบแห้งที่ขายอยู่ตามท้องตลาดมาทำการทดลอง ซึ่งผลปรากฏว่า ลำไยอบแห้งจากทั้ง 2 แหล่งสามารถทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้และมะเร็งเม็ดเลือดในหลอดทดลองได้ ซึ่งในอนาคตเชื่อว่าเนื้อลำไยอบแห้งอาจพัฒนาเป็นสารต้านมะเร็งได้ แต่ควรต้องมีการศึกษากลไกการเหนี่ยวนำก่อน"
การทดลองผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสารสกัดที่ได้จากลำไยที่มีการใช้โพแทสเซียมคลอเรต พบว่าสารสกัดจากลำไยสด แสดงแนวโน้มถึงความสามารถกระตุ้นให้เซลล์มะเร็ง(มะเร็งเม็ดเลือดขาว) ตายด้วยรูปแบบของการทำลายตนเองแบบอะพอพโตซิส (Apoptosis) ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งนี้การกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเม็ดเลือดตายนั้น พบในสารสกัดด้วยน้ำจากลำใยที่ใส่สารโพแทสเซียมคลอเรตทางราก
ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ทำการทดสอบผลของสารสกัดจากลำไยสด ต่อการยับยั้งหรือการส่งเสริมให้เกิดโรคมะเร็ง ด้วยการทดสอบในสัตว์ทดลอง นั่นคือหนูขาวพันธุ์ Wistar ให้ได้รับสารสกัดจากลำไยทุกๆวันเป็นเวลา 4-16 สัปดาห์ ไม่พบว่ามีความผิดปกติต่อเซลล์ลำไส้ใหญ่ของหนูขาว แต่พบว่าการให้สารสกัดจากลำไยที่ใช้โพแทสเซียมคลอเรตทางรากขนาด 8 กรัมต่อตารางเมตร และใช้ทางใบขนาด 2000 ppm ร่วมกับสารก่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นระยะเวลานานถึง 16 สัปดาห์ สามารถเพิ่มปริมาณรอยโรคที่เกิดจากการได้รับสารก่อมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ไม่พบการเพิ่มขนาดของรอยโรคของการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งแสดงว่าในสารสกัดลำไยอาจส่งเสริมเมแทบอลิซึมของสารก่อมะเร็งลำไส้ใหญ่เท่านั้น
ดร.อุษณีย์ กล่าวว่า "ถ้าหากเราสามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงฤทธิ์การยับยั้งการเกิดรอยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ของสารสกัดจากลำไยแห้งในสัตว์ทดลอง และวิจัยถึงกลไกการยับยั้งการเกิดมะเร็ง ที่เกิดจากสารสกัดจากลำไยแห้งเหล่านี้ จะทำให้เกิดความมั่นใจในการบริโภคลำไยอบแห้ง เพื่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ อีกทั้งการพัฒนางานวิจัยเพื่อแยกสารสกัดที่ได้จากลำไยอบแห้งออกมา เพื่อใช้ในการผลิตสารยับยั้งมะเร็งที่สกัดจากธรรมชาติ ก็จะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ลำไยภายในประเทศได้อีกทางหนึ่ง" เมื่อจะมีการใช้สารโพแทสคลอเรตในสวนลำไยกันอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ หน่วยงานต่างๆ จึงกังวลกับผลกระทบของการใช้สารโพแทสคลอเรตต่อผลผลิตลำไย ต่อผู้บริโภคลำไยและต่อสิ่งแวดล้อมในสวนลำไยและการระเบิดของสารโพแทสคลอเรต ซึ่งได้เกิดขึ้นครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2542 ทำให้มีคนตาย 36 คน ปัญหาเหล่านี้อาจจะนำไปสู่การกีดกันทางการค้าลำไยสดและอบแห้งได้ การหาข้อมูลเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค สิ่งแวดล้อม และเตรียมข้อมูลชี้แจงในกรณีที่มีการอ้างเพื่อการกีดกันทางการค้าจึงเป็นสิ่งจำเป็น
รู้จัดการสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้ครอบคลุมทุกด้าน สกว.จึงมีงานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมเมื่อเกษตรกรนำสารโพแทสเซียมคลอเรตไปใช้โดยมีงานวิจัย "ผลกระทบของการใช้สารคลอเรตต่อสิ่งแวดล้อมในสวนลำไยและการแก้ปัญหาการเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้สารคลอเรต" โดย รศ.
รศ.สมชาย กล่าวว่า จากการประเมินผลกระทบการใช้สารโพแทสคลอเรตต่อสิ่งแวดล้อมในสวนลำไยพบว่า การใช้โพแทสเซียมคลอเรตของเกษตรกรมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะสั้นเฉพาะในแนวราดโพแทสเซียมคลอเรตเท่านั้น แต่ไม่มีผลกระทบระยะยาว ทำให้ความกังวลต่อผลกระทบของการใช้โพแทสเซียมคลอเรตต่อสิ่งแวดล้อมในสวนลำไยหมดไป
การนำสารโพแทสเซียมคลอเรต มาใช้ประโยชน์ในลำไย เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ หากเรารู้เท่าทันและนำมาใช้อย่างถูกวิธี นอกจากจะปลอดภัยทั้งผู้ใช้และผู้บริโภคแล้ว ยังเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตผลลำไยไทย เกิดเป็นมาตรฐานผลไม้ที่ปลอดภัย เพื่อก้าวสู่ตลาดโลกได้ต่อไป
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)