"รัฐเข้ามาจัดการเองหมด โดยไม่มีการทำประชาคมหมู่บ้าน ชาวบ้านไม่รู้ว่า โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่นั้นมีความเป็นมาอย่างไร ชาวบ้านจะได้อะไรและรัฐจะจัดการอย่างไร ที่ไปนำเสนอทางสื่อว่า หมู่บ้านห้วยปลาหลด ยกพื้นที่ทำกินให้รัฐ
หลังจาก มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 ก.ค.2547 และเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2547 ได้เห็นชอบให้มีการดำเนินการ โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ ตามแนวพระราชดำริ โดยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งมีภารกิจรับผิดชอบโดยตรง
โดยโครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหาการบุกรุกการทำลายป่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของประเทศ ดังนั้น โครงการดังกล่าวจะช่วยหยุดยั้งการบุกรุกทำลายป่าและฟื้นฟูสภาพป่าไม้ให้กลับคืนมา พร้อมให้ประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันดูแลป้องกันรักษาและใช้ประโยชน์จากป่าอย่างสมดุลและยั่งยืน
ซึ่งโครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ ได้สร้างความกังขา สร้างความวิตกกังวลแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่ากันอย่างมาก เนื่องจากว่า มีพื้นที่เป้าหมายที่ครอบคลุมไปทั้งหมด 10,866 หมู่บ้าน ในพื้นที่ 7 จังหวัดทั่วประเทศ และแน่นอนว่า มีน้อยคนที่จะรู้และเข้าใจว่า โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ นั้นเป็นอย่างไร และจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร และจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมายนั้นหรือไม่
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลาประชาคมลุ่มน้ำปิง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ทางเครือข่ายป่าชุมชนลุ่มน้ำแม่ปิง และโครงการจัดการลุ่มน้ำปิงตอนบน มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแห่งประเทศไทยในพระราชินูปถัมภ์ภาคเหนือ ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ และการจัดการป่าชุมชน โดยมีตัวแทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เครือข่ายทรัพยากรฯ ภาคเหนือ เครือข่ายป่าชุมชนลุ่มน้ำแม่ปิง และตัวแทนชาวบ้านจากหมู่บ้านห้วยปลาหลด ซึ่งเป็นหมู่บ้านนำร่องโครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ เข้าร่วมประชุมกันอย่างคับคั่ง
นายไพรัช บุญน้อม ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติกล่าวยอมรับว่า เป็นความกังวลใจของชาวบ้าน เพราะเคยมีความหลังฝังใจที่เกิดปัญหากันมาครั้งก่อน เนื่องจากว่า ก่อนนั้นเคยมีโครงการหมู่บ้านป่าไม้ เมื่อปี 2518-2534 แต่โครงการล้มไป แต่โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ ที่กำลังดำเนินการนั้น มีกรอบชัดเจน คือมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ เพื่อหยุดยั้งการบุกรุกทำลายป่าไม้ และฟื้นฟูสภาพป่าไม้ และให้ประชาชนในพื้นที่ร่วมกันดูแล เฝ้าระวัง ป้องกันรักษาและใช้ประโยชน์จากป่าไม้อย่างยั่งยืน โดยยึดตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
"เป้าหมายก็คือ เราต้องรักษาระบบนิเวศน์ เพื่อให้มนุษย์อยู่ได้อย่างมีความสุข ร่าเริงใจ ไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะถูกขับไล่ เพราะหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่จะรวบรวมให้อยู่ร่วมกันและชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ แต่ถ้าบางพื้นที่หากชุมชนทำไม่ได้ ก็จะให้รัฐเข้าไปจัดการร่วมกัน"
ในขณะที่ นายจักรพงษ์ มงคลคีรี ผู้ใหญ่บ้านห้วยปลาหลด อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งอยู่ในโครงการนำร่องหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ หมู่บ้านแรกในประเทศ กล่าวว่า ฟังตัวแทนของกรมอุทยานแห่งชาติพูดแล้ว รู้สึกกรอบการทำงานนั้นดีมาก แต่ว่าในทางปฏิบัติในพื้นที่จริงๆ ยังไม่มีความชัดเจน เพราะว่า หลังจากที่รัฐประกาศเอาหมู่บ้านห้วยปลาหลดเข้าไปอยู่ในโครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็มีปัญหาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว
"รัฐเข้ามาจัดการเองหมด โดยไม่มีการทำประชาคมหมู่บ้าน ชาวบ้านไม่รู้ว่า โครงการนั้นมีความเป็นมาอย่างไร ชาวบ้านจะได้อะไร และรัฐจะจัดการอย่างไร หลังจากที่ทางอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช มีคำสั่งให้ชาวบ้านลดพื้นที่ทำกิน จากครอบครัวหนึ่งเคยปลูกข้าว 10 ไร่ ให้ลดเหลือ 2 ไร่ ชาวบ้านไม่พอกินอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากนั้นได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชนเป็นอย่างมาก ที่ไปนำเสนอทางสื่อว่า หมู่บ้านห้วยปลาหลด ยกพื้นที่ทำกินให้รัฐ 4,000 ไร่ ลดพื้นที่ทำกินครอบครัวละ 2 ไร่ก็อยู่ได้สบาย ซึ่งความเป็นจริงก็คือ ขณะนี้ชาวบ้านห้วยปลาหลดกำลังระส่ำระสาย" ผู้ใหญ่บ้านห้วยปลาหลด กล่าว
นายเกียรติศักดิ์ ม่วงมิตร นักวิชาการอิสระกล่าวว่า ปัญหานั้นอยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ไม่เข้าใจโลกทัศน์ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่กับป่ามานาน เจ้าหน้าที่รัฐพยายามจะเร่งทำหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ เพื่อต้องการเอาหน้า คิดอยู่อย่างเดียวว่า จะเพิ่มพื้นที่ป่าและลดพื้นที่ทำกิน แล้วพยายามสื่อให้เห็นว่า ชาวบ้านลดพื้นที่ทำกินแล้วสามารถอยู่อย่างมีความสุข ซึ่งเป็นความมักง่ายและน่าเกลียดอย่างยิ่ง
นายไพรัช บุญน้อม ตัวแทนกรมอุทยานแห่งชาติฯกล่าวว่า ที่โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่บ้านห้วยปลาหลดมีปัญหานั้น เนื่องจากเป็นปีแรกที่เริ่มต้น ต่อไปก็คงจะดีขึ้นและไม่เชื่อว่าจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการข่มขู่ แต่ยอมรับว่าบางพื้นที่อาจจะโชคร้าย ถ้าไปเจอกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่รู้จริง ซึ่งต้องพยายามหันหน้าเข้าหากัน
ด้านนายวิโรจน์ ติปิน ตัวแทนเครือข่ายทรัพยากรฯ ภาคเหนือ โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ ไม่ได้มีการพูดถึงรัฐธรรม
นูญ ในมาตรา 46 ที่บอกว่า ชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมย่อมมีสิทธิอนุรักษ์หรือฟื้นฟูและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรม
ชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน นั่นหมายความว่า โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ ไม่ได้มองถึงวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิม
"นอกจากนั้น ขณะนี้ชาวบ้านต่างกังวลกันว่า โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ จะส่งผลกระทบต่อการเข้าไปใช้ทรัพยากร และไปขัดแย้งกับ พ.ร.บ.ป่าชุมชนที่กำลังเดินหน้ากันอยู่ ที่สำคัญที่สุด คือ เรื่องการพิสูจน์สิทธิทำกินของชาวบ้าน เนื่องจากโครงการดังกล่าว ยังคงใช้ มติครม.30 มิ.ย.2541 ซึ่งได้กำหนดให้กรมป่าไม้ ยึดและผูกขาดพื้นที่ใดเป็นพื้นที่ล่อแหลมหรือพื้นที่อนุรักษ์ได้ โดยชาวบ้านไม่ได้มีส่วนร่วมแต่อย่างใด"
นอกจากนั้น ตัวแทนเครือข่ายทรัพยากรฯ ภาคเหนือ โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ ยังคงใช้ภาพถ่ายทางอากาศหรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับหลักฐานความจริงในพื้นที่ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการพิสูจน์สิทธิ์ในหลายพื้นที่ในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการของรัฐที่จะเข้าไปเพิกถอนแบบให้ชาวบ้านจำยอมอย่างจำนน
ในการประชุมการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ และการจัดการป่าชุมชน ในวันนั้น เป็นที่สังเกตว่า ทางด้านตัวแทนของกรมอุทยานแห่งชาติ ได้พยายามชูนโยบายของโครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ ในกรอบแนวคิดกว้างๆ โดยหยิบยกเอาพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาพูดย้ำกับผู้เข้าร่วมประชุม ในขณะที่กลุ่มตัวแทนชาวบ้านกว่า 200 คน ก็พยายามเสนอประเด็นปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อชุมชน หากโครงการหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงโดยเฉพาะการควบคุมการจำกัดสิทธิ์ในพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน ที่รัฐยังคงยึดหลักการ "เพิ่มพื้นที่ป่า ลดพื้นที่ทำกิน"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)