ประชาไท20 ก.ค. 2548 "การที่คณะรัฐมนตรีมีมติว่าจะใช้กฎหมายไม่เต็มฉบับนั้น ที่สุดแล้วก็จะมาบอกว่า ที่ใช้กฎหมายไม่เต็มที่ก็จะมีเหตุผลเป็นเพราะว่าพวกคุณมาประท้วงมาคัดค้าน รัฐบาลจึงต้องลดดีกรี และพวกเราทั้งหลายก็จะเป็นจำเลยไปในที่สุดว่าท่านเองไม่สามารถใช้อำนาจอย่างเต็มที่ได้ จึงไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ภายใน 3 เดือน"
น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานกรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภากล่าวถึงมติคณะ รัฐมนตรี (ครม.) เช้าวันนี้ ซึ่งกำหนดให้งดใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินบางมาตราพร้อมทั้งวิจารณ์ว่าพระราชกำหนดฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงการลุ่มหลงในอำนาจ มัวเมาในอำนาจไม่มีที่สิ้นสุดและต้องการสถาปนาซูเปอร์อำนาจในประเทศไทยโดยคนเพียงคนเดียว เนื่องจาก พระราชกำหนดดังกล่าวล้มล้างอำนาจตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายแม่บท ขณะนี้พระราชกำหนดเพียงฉบับเดียวล้มล้างรัฐธรรมนูญในหมวดว่าด้วยสิทธิเสรีภาพกว่า 40 มาตรา
นอกจากนี้ยังล้มล้างกระบวนการทางรัฐสภา ซึ่งเป็นกระบวนการนิติบัญญัติ และล้มล้างอำนาจตุลาการโดยการบัญญัติงดเว้นควารับผิดของเจ้าหน้าที่ทั้งทางแพ่งอาญาและทางปกครองด้วย
"นี่คือการรับประหารเงียบนะครับ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าสังคมไทยขณะนี้ ได้ตระหนักตรงนี้แล้วหรือยังไม่ใช่การปฏิวัติโดยกำลังทหารและรถถังไปยึดกรมประชาสัมพันธ์แบบสมัยก่อน แต่โดยนักวิชาการ"
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวในส่วนของวุฒิสภานั้น น.พ. นิรันดร์กล่าวว่าคงดำเนินการผ่านทางผู้ตรวจการรัฐสภา ด้วยหลักการ 2 ข้อคือ เพื่อพิสูจน์ว่าผู้ตรวจการรัฐสภาเป็นผู้ตรวจการของรัฐสภาหรือของรัฐบาล และ 2 คือเพื่อให้ผู้ตรวจการรัฐสภาได้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาสำคัญระดับชาติบ้าง