Skip to main content
sharethis

 


 



 


ในที่สุดการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลอินโดนีเซียกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอาเจ๊ะห์  หรือ GAM  ก็ยุติลงได้หลังจากการเจรจากันครั้งที่ 5 ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ใช้เวลาในการเจรจานานนับสัปดาห์ และเป็นการยุติการต่อสู้ที่มีมาอย่างยาวนานถึง 30 ปี โดยการลงนามในข้อตกลงกันทั้งสองฝ่ายนั้นจะเกิดขึ้นในวันที่ 15 เดือนสิงหาคม ศกนี้


 


การต่อสู้ที่มีมาอย่างยาวนานของกลุ่ม GAM และรัฐบาลอินโดนีเซียที่มีมาตั้งแต่ปี 1976 และสูญเสียชีวิตของผู้คนไปถึง 15,000 คนนั้นมีความเกี่ยวพันทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์ การเมือง และ เศรษฐกิจ  กล่าวคือ ดั้งเดิมนั้น อาเจ๊ะห์ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของเกาะสุมาตรานี้ เป็นแคว้นอิสระที่ปกครองโดยสุลต่าน ครั้นเมื่อสมัยที่ชาวดัชต์เข้ามาปกครองอินโดนีเซียนั้น ดัชต์ก็ยังคงให้อิสระกับอาเจ๊ะห์ โดยไม่ได้นำเข้าไปรวมกับอินโดนีเซียด้วย อาเจ๊ะห์จึงสามารถยังคงความเป็นแคว้นอิสระได้มาโดยตลอด  แต่หลังจากที่ซูการ์โน สามารถขับไล่ชาวดัชต์ออกไปได้ จึงรวมเอาอาเจ๊ะห์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอินโดนีเซียด้วย  นี่ก็นับเป็นจุดแรกที่เป็นชนวนความต้องการแบ่งแยกดินแดน


 


ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การต่อสู้เพื่ออิสระภาพของกลุ่ม GAM นั้นเริ่มต้นด้วยเห็นว่า อินโดนีเซียนั้นได้เข้ามาแสวงประโยชน์จากทรัพยากรก๊าซและน้ำมันในอาเจ๊ะห์อย่างมากและไม่เป็นธรรมต่ออาเจ๊ะห์ ส่วนในทางการเมืองนั้นถึงแม้ว่าอินโดนีเซียจะเป็นประเทศที่มีผู้นับถืออิสลามมากที่สุดในโลก แต่มุสลิมในอินโดนีเซียนั้นเป็นมุสลิมสายกลาง(secular) ในขณะที่กลุ่ม GAM นั้นต้องการที่จะเป็นมุสลิมแบบชาริอะห์ หรือ Fundamentalist


 


การเจรจาที่ผ่านมาตลอดที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้นั้นเนื่องจากทางอาเจะห์ได้ยืนยันมาตลอดที่จะของแยกประเทศออกเป็นอิสระ ในขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียไม่สามารถจะยอมได้ และรัฐบาลก็ได้ทำทุกวิถีทางที่จะจัดการกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนดังกล่าว และเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานี้เองที่รัฐบาลได้ประกาศใฃ้กฎอัยการศึกในจังหวัดอาเจ๊ะห์


 


อาจมีความประหลาดใจเกิดขึ้นบ้างเล็กน้อยที่ในการเจรจารอบนี้กลับประสบความสำเร็จ โดยที่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ใน 3 ประการหลักๆคือ  อาเจะห์จะไม่แยกตัวออกเป็นประเทศอิสระอย่างเต็มรูปแบบแต่ขออำนาจในการปกครองตนเอง  อาเจ๊ะหขอใช้งบประมาณของตนเอง 70 %  และ ทั้งสองฝ่ายจะวางอาวุธภายใน 3 เดือน


ทั้งนี้ สิ่งที่อาเจ๊ะห์ต้องยินยอมประนีประนอมไม่แยกตัวออกเป็นประเทศอิสระนั้น เนื่องจาก เมื่อปีที่ผ่านมานั้นอาเจ๊ะห์ได้ประสบกับภัยซึนามิที่ทำให้ให้ต้องสูญเสียชีวิตผู้คนไปถึง 131,000 คน อาเจ๊ะห์จำเป็นจะต้องใช้เวลาในฟื้นฟูในหลายๆด้าน ดังนั้นความพยายามที่จะทำให้เกิดสันติภาพขึ้นนั้นส่วนหนึ่งก็เนื่องจากความจำเป็นที่จะต้องให้ความช่วยเหลือจากนานาชาติสามาถเข้าถึงอาเจ๊ะห์ได้ นอกจากนั้นแล้วจากเหตุการณ์สึนามิก็ทำให้กองกำลังและผู้นำบางคนต้องล้มตายหรือสูญหายไปด้วย


 



 


อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่น่าติดตามต่อไปว่าสันติภาพในอาเจ๊ะห์นั้นจะยั่งยืนหรือไม่ หรือว่าจริงๆแล้ว GAM อาจจะแค่ต้องการเวลาสงบศึกชั่วคราวเพื่อฟื้นฟูอาเจ๊ะห์และกองกำลังของกลุ่มเท่านั้น ทั้งนี้  มีประเด็นใหญ่ๆอยู่ 2 ประเด็นที่อาจจะเป็นการจุดชนวน ประการแรกเกี่ยวกับเรื่องการถอนทหาร แม้จะระบุว่าทั้งสองฝ่ายจะวางอาวุธภายใน 3 เดือน แต่รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศว่าจะถอนทหารออกจากอาเจ๊ะห์ทันทีที่ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนอาเจะะห์วางอาวุธทั้งหมด ดังนั้นก็ยังดูคล้ายๆกับการต่อรองกันก็ยังไม่สิ้นสุดอยู่ดี  ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความจริงใจของทั้งสองฝ่าย


 


อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เนื่องจากว่า ในข้อเรียกร้องของ GAM ที่จะปกครองตนเองนั้น GAM ต้องการที่จะให้มีการตั้งพรรคการเมืองในท้องถิ่น ซึ่งสมาชิกรัฐสภาหลายคนเห็นว่านี่จะขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญของอินโดนีเซีย ว่าด้วยเรื่องการตั้งพรรคการเมืองซึ่งจำเป็นจะต้องมีสาขาพรรคอยู่ทั่วประเทศอย่างน้อย 30 สาขา ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นก็คือรัฐบาลจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญข้อที่เกี่ยวกับการตั้งพรรคการเมืองเสียก่อน  โดยอาจจะระบุว่าในกฎหมายเกี่ยวกับเขตปกครองตนเองก็ได้


ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลอินโดนีเซียจะยินยอมแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือยอมผ่านกฎหมายข้อนี้หรือไม่  หากอาเจ๊ะห์ไม่สามารถตั้งพรรคการเมืองเองได้ก็แน่นอนว่าการปกครองตนเองของอาเจ๊ะห์อาจไม่เป็นจริง การหวนกลับมาต่อสู้ก็อาจเกิดขึ้นได้อีกครั้งหนึ่ง


บทวิเคราะห์
โดย สุทธิดา มะลิแก้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net