อำนาจ อักษรวนิช
รถเมล์ขวัญเวียง 5 คัน วิ่งท่อมๆ อย่างโดดเดี่ยวไปในเมืองเชียงใหม่มาเป็นเวลาปีเศษแล้ว นับจากวันที่ถูกผลักดันให้นำร่องระบบขนส่งมวลชนเมืองเชียงใหม่เมื่อ กรกฎาคม 2546
ก่อนหน้านี้
เพียง 5 วันของการเริ่มต้น รถเมล์ขวัญเวียงได้กลายเป็นชนวนที่ทำให้บรรดาสี่ล้อแดงออกมายึดข่วงท่าแพประท้วงว่าได้รับผลกระทบต่ออาชีพ พร้อมยื่นคำขาด ห้ามมีรถเมล์เพิ่มขึ้นจากนี้อีกเด็ดขาด
แม้วันนี้รัฐบาลมอบรถเมล์ 26 คันให้กับเมืองเชียงใหม่ แต่ก็ยังอยู่กับวังวนปัญหาเดิมที่ไม่อาจเดินรถด้วยระบบที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
บางทีความเป็นจริงที่รถเมล์ขวัญเวียงได้รับมาปีเศษ น่าจะสะท้อนเป็นบทเรียนให้เห็นถึงความอ่อนแอของระบบว่าส่งผลกระทบให้เกิดความเจ็บปวดเช่นใด
และผู้ที่จะให้คำตอบนี้ได้ ต้องเป็นเขา อำนาจ อักษรวนิช เจ้าของรถเมล์ขวัญเวียง
พลเมืองเหนือ : ตอนเริ่มต้นวิ่งบอกว่า 6 เดือนจะประเมินผล ผ่านมา 2 ปีเศษแล้วผลประกอบการรถเมล์ขวัญเวียงเป็นอย่างไรบ้าง
อำนาจ: มีคนขึ้นช่วงเช้าและเย็นเต็มทุกคัน สายหน่อยลดลงมากเหลือเพียง 20-30 % ของที่นั่ง บางเที่ยว 1 คนก็มี ยังดีคนขึ้นรายทางในตัวเมืองมีมากกว่าเดิมมาก แต่ผมขาดทุนต่อเนื่องเดือนละ 2 แสนกว่าบาทครับ นี่คือสถานการณ์ก่อนน้ำมันขึ้นนะ และไม่ได้คิดรวมต้นทุนค่ารถ แต่เป็นค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำมัน และค่าสึกหรอรถ เพราะรถเราวิ่งตี 5 - 4 ทุ่ม ทุกวัน มีพนักงาน 2 ชุดคือ ตี 5 ถึงบ่าย 2 และบ่าย 2 ถึง 4 ทุ่ม เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร เพราะเราเน้นการบริการและความปลอดภัย ตอนนี้กำลังประเมินอยู่ว่าจะขาดทุนเพิ่มอีกเท่าไหร่ นี่เป็นเพราะผมไม่ได้ยึดอาชีพเดินรถหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเลิกไปนานแล้วเพราะหมดไปปีละ 2 ล้านกว่าแล้ว
พลเมืองเหนือ: ค่อนข้างสูง รถเมล์เทศบาลฯ ประเมินตัวเองว่าอาจขาดทุนเดือนละ 20,000 บาท
อำนาจ: เขาอาจมีความสามารถบริหารให้ขาดทุนต่ำกว่าผมได้ อาจมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่า รัฐหนุน และมีจำนวนรถมากกว่า แต่ของผมทุกอย่างอยู่ที่ตัวเอง ที่สำคัญจำนวนรถเมล์เทศบาลฯ ที่มากกว่าดีที่ผู้โดยสารจะไม่ต้องรอนาน ของผมจะต้องรอ 30-40 นาทีถึงจะมาสักคัน เวลาที่รอเขาอาจทำธุระเสร็จไปแล้ว
พลเมืองเหนือ: แล้วทำไมขวัญเวียงไม่เพิ่มรถ
อำนาจ: ผมเหนื่อยที่จะคุย ที่จริงผมพร้อมที่จะให้บริการ 15 คันเต็มตามสัมปทานเพื่อไม่ให้ผู้โดยสารรอรถนาน แต่จำได้ไหม พอเราเริ่มวิ่งรถได้ 5 วัน รถแดงก็ประท้วงใหญ่โต บังคับไม่ให้เพิ่มรถ บอกว่ามีผลกระทบกับรายได้ ทั้งๆ ที่จริงถ้ารถเมล์ออกมาให้บริการมากขึ้นอย่างไรคนใช้บริการก็ต้องอาศัยรถแดงอยู่แล้วในการวิ่งสายรองเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
พลเมืองเหนือ: แล้วที่รถเมล์ขวัญเวียงวิ่งในเส้นสัมปทาน มีการถูกทับสัมปทานบ้างหรือไม่
อำนาจ: โดนตลอด ก็วิ่งทับอยู่อย่างนี้ ที่จริงตามกฎหมายจะทำอย่างนี้ไม่ได้ แต่ก็อย่างว่ากฎหมายทำอะไรไม่ได้ เพราะมีกฎหมู่อยู่ แล้วที่สัมปทานเส้นใหม่มาก็ต้องวิ่งทับอีกแน่
พลเมืองเหนือ: เส้นทางเดินรถที่เทศบาลฯจะดำเนินการมีความเหมาะสมเพียงไร ที่ต้องวิ่งอ้อมเมืองเพราะวิ่งข้างในกลัวจะทำให้รถติด
อำนาจ: ที่จริงผมก็ให้คำปรึกษาเรื่องเส้นทางกับเทศบาลฯ อยู่ด้วยนะ เดิมเคยจะใช้เส้นทางที่เป็นสัมปทานเดิมรถเมล์เหลือง แต่ถ้าจะให้เชื่อมกันจะต้องจัดใหม่เพื่อให้เอื้อประโยชน์ในการเดินทางของประชาชน ส่วนเรื่องรถติด ผมว่าที่ทำให้รถติดเป็นรถอื่นมากกว่ามั้ง ? รถเมล์ต้องวิ่งในทาง จอดตามป้าย ไม่วิ่งขวางหรอกครับ แล้วเส้นทางที่ตกลงกันใหม่เหมาะกับขนาดของรถที่ไหน อย่างเส้นฟ้าฮ่ามถนนเล็กขนาดนั้นให้รถเมล์ไปวิ่งได้อย่างไร เส้นนั้นควรจะให้รถแดงวิ่งมากกว่า ผมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะผู้ใหญ่ไม่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด ทำอย่างนี้ยิ่งทำให้รถเมล์ให้บริการประชาชนไม่ดี ไปที่นอกเมืองใครเขาจะขึ้น หรือขึ้นแล้วต้องลงมาต่อสองแถวอีก ทำไมไม่ปล่อยให้รถเมล์วิ่งเต็มสายในเส้นทางที่ประชาชนต้องการ แต่นี่เส้นทางก็ไม่เอื้อ แถมยังตัดตอนเข้าเมืองอีก อย่างนี้ขาดทุนแน่นอน และประชาชนเดือดร้อนกว่าเก่า ที่สำคัญทำลายภาพของรถเมล์ที่ประชาชนสนับสนุนให้เกิด ถ้าไม่เอื้ออย่างนี้นะ ผมว่าอย่าวิ่งดีกว่า ประชานจะเสื่อมศรัทธาและไม่อยากจะสนับสนุนรถเมล์
พลเมืองเหนือ: แต่ดูเหมือนว่าข้อตกลงที่ออกมามีแต่ความรู้สึกพอใจ
อำนาจ : บรรยากาศของการเจรจาในห้องได้ข้อตกลงที่ทุกคนพึงพอใจ แต่ได้มองถึงการประกอบการ หรือความสะดวกของประชาชนหรือไม่ ถ้าออกมาแบบฆ่าตัวเองอย่างนี้ไม่มีประโยชน์ ถ้าเป็นผมจะไม่วิ่งเลย
พลเมืองเหนือ: คิดว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้ผลการเจรจาออกมาเป็นอย่างนี้
อำนาจ: เทศบาลฯ ก็เป็นหน่วยงานรัฐท้องถิ่น เมื่อมีรถเมล์มาอย่างนี้แล้ว ถ้าไม่วิ่งเลยก็จะต้องถูกมองว่าผลาญงบประมาณ ทำอะไรทำไมไม่ศึกษาให้ดีก่อน ซึ่งก็น่าเห็นใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ที่จริงผู้ใหญ่บ้านเรามีนโยบายให้เชียงใหม่เป็นฮับหรือศูนย์กลางการบินในภูมิภาคแต่การดำเนินงานลักปิดลักเปิด เป็นไม้หลักปักขี้เลน ถ้าเด็ดขาดว่าอย่างไรรถเมล์ก็ต้องวิ่งตามเส้นทางที่เตรียมมา จะเกิดการประท้วงก็ต้องยืนยันว่าไม่มีสิทธิ์ หากยังคิดว่าได้รับผลกระทบและขาดทุนก็ต้องเอาเหตุผลเอาหลักฐานมาแสดง ผมคิดว่าแม้รถเมล์จะเป็นสาธารณูปโภค รัฐหนุนมาก็จริง แต่เมื่อทำแล้วประชาชนต้องได้รับความสะดวก และอยู่บนพื้นฐานความอยู่รอดของการบริหารงานด้วย ทุกวันนี้ผมอยู่รอดไม่ได้เลยนะ
พลเมืองเหนือ : แล้วทำไมขวัญเวียงไม่เลิกเสีย
อำนาจ: ผมมีสิทธิ์ถอยนะ แต่ผมยืนอยู่บนการขอร้องจากหลายฝ่าย เพื่อให้เชียงใหม่มีรถเมล์ แต่ก็มีแบบเน่าๆ รถเมล์เชียงใหม่เป็นแบบมีไว้ให้ดู ใจจริงผมไม่อยากทำเลยนะ ใครบ้างทำธุรกิจแล้วปล่อยให้เน่าอยู่อย่างนี้คนเดียว แต่ผมให้เวลา 5 ปีนะ ตอนนี้ร่วม 2 ปีแล้ว ถ้าสภาพยังเป็นอย่างนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะทำต่อไป แรกๆ ผู้ใหญ่เข้าใจบอกว่าจะพยายามหางบมาช่วยเหลือ แต่รถแดงก็ตีผมใหญ่ว่าทีเอกชนคนรวยจะช่วย
พลเมืองเหนือ : แต่นี่เทศบาลฯ หนุนค่าน้ำมันสี่ล้อแดงนำร่องวันละ 10,000 บาท
อำนาจ: ด้วยเหรอ ? อันนี้ผมไม่รู้เลย
พลเมืองเหนือ:ทางออกของเรื่องนี้
อำนาจ: อย่างไรก็จะต้องนำรถเมล์ออกมาวิ่ง และควรให้วิ่งเต็มสายจะดีกว่า ตอนผมกลับมาวิ่งรถเมล์ขวัญเวียงเพราะมองว่าอาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมคนเชียงใหม่ให้มาใช้ขนส่งสาธารณะ ยิ่งสถานการณ์น้ำมันแพงอย่างนี้ผมว่าคนพร้อมที่จะทิ้งรถส่วนตัวอยู่บ้านแล้วนะ และหากมีการบริหารแบบจูงใจให้ทิ้งรถ เช่นถ้าวิ่งกัน 5 สายซื้อตั๋ว 30 บาท ขึ้นและต่อรถได้ครอบคลุม ไม่ใช่สายละ 12 บาท ต่อรถ 4 รอบต้องเสีย 40 กว่าบาท ผมคิดไว้นะ แต่ไม่ได้ทำ บ้านเมืองเป็นอย่างนี้
.ผมเหนื่อย !
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)