ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-16 มิ.ย.48 " เวลานี้ ใครที่ทำงานด้านผลักดันให้เปลี่ยนแปลงทางสังคมต้องรีบออกมาเลย สิทธิเสรีภาพความเท่าเทียมกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือองค์กรใดก็ตาม ต้องถือโอกาสในตอนนี้รีบออกมาท้วง เข้ามาตรวจสอบและหาทางแก้ไข เพราะระบบการรับน้องที่ผ่านมา ได้ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพของมนุษย์เป็นอย่างมาก" รศ.ธเนศวร์ เจริญเมือง อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) กล่าว

เขาเห็นว่า ระบบรับน้องเป็นระบบที่นักเรียนนอกนำเข้ามาใช้ในประเทศไทย ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะที่ต่างประเทศ การรับน้องจะต้องเป็นความสมัครใจของนักศึกษาใหม่ แต่สถาบัน การศึกษาในไทยกลับกวาดต้อนนักศึกษาใหม่ทั้งหมด เพื่อเป็นการสำแดงพลังของรุ่นพี่และเพื่อโอ้อวดสถาบันของตนเอง ซึ่งเป็นการใช้อำนาจเข้ามาจำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น

"การรับน้องตั้งแต่ยุคก่อนจนถึงสมัยนี้ ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าความเสีย หายของคุณค่าความเป็นคน ความรู้สึก ความเป็นมนุษย์ต้องถูกทำลาย เมื่อรุ่นพี่พยายามกดนักศึกษารุ่นน้องให้มีสิทธิเป็นศูนย์ อีกทั้งยังเกิดความเสียหายทางด้านความคิดในความเป็นประชาธิปไตย เมื่อถูกบังคับกดขี่ให้จำยอม ทำให้เสียหายต่อร่างกายจนทำให้เกิดบาดแผล จนกระทั่งมีการเสียชีวิต ที่สำคัญได้กลายเป็นบาดแผลทางความคิด ไม่กล้าเรียกร้อง ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นและจะติดตัวไปตลอดชีวิต" รศ.ธเนศวร์ กล่าว

นักวิชาการมช.ผู้นี้ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนั้น ยังต้องเสียหายด้านเวลาและเงินทองที่ปล่อยไปอย่างไร้ค่า ซึ่งน่าจะเอาเวลาไปสร้างประโยชน์แก่สังคมอย่างอื่นจะดีกว่า นอกจากนั้น ระบบรับน้องยังสูญเสียชนชั้นนำที่จะนำพาสังคมไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เพราะถูกกดให้จำยอม จึงทำให้ไม่มีใครกล้าคิดแหวกแนวที่จะสร้างสรรค์สังคม

"คำสั่งของ สกอ. ที่ให้ยกเลิกการรับน้องถือว่าเป็นคำสั่งประวัติศาสตร์ และคิดว่า ทาง สกอ.คงประเมินแล้วว่า ปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยมีเพิ่มมากขึ้น และมีคุณภาพไม่ดี ที่สำคัญคือ หากปล่อยทิ้งไว้คงไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้น หากปล่อยไว้ โอกาสที่จะเกิดการสูญเสียจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องตัดไฟแต่ต้นลม" รศ.เธนศวร์ กล่าว