เอพี- รัฐบาลสหรัฐฯเผย นับเป็นครั้งแรกในอเมริกามีที่ยอดผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์สูงกว่า 1 ล้านคนนับตั้งแต่ปี 1980

ตัวเลขประมาณการที่ถูกเปิดเผยออกมานี้ถือเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายของอเมริก ข่าวดีคือเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าได้ประสบความสำเร็จในผลิตยาที่ทำให้ผู้ติดเชื้อฯได้มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น ทว่า ก็ถือเป็นความล้มเหลวของรัฐบาลที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเอดส์ให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ในปี 2005

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในอเมริกาอยู่ที่ระหว่าง 1,039,000 ถึง 1,185,000 คนในปี 2003 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขประมาณการณ์ในปี 2002 ที่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ อยู่ที่ 850,000 ถึง 950,000 คน

นายแพทย์โรนัล วาลดิเซรี รองผู้นวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเอสด์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แห่งชาติกล่าวว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนั้นได้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของยาต่างๆที่ได้ช่วยยืดอายุของผู้ติดเชื้อให้นานขึ้น

"ทว่า ในขณะที่เรามีความก้าวหน้าในทางการรักษาในผู้ติดเชื้อดังกล่าวแต่สิ่งที่ท้าทายที่เกิดขึ้นก็คือเรื่องการป้องกัน"

ความท้าทายที่มีอยู่นั้นรวมถึงการเอาชนะความล้มเหลวของรัฐบาลที่ตั้งเป้าว่าในปี 2005 จะลดการติดเชื้อรายใหม่ลงให้ได้ครึ่งหนึ่งจากจำนวนที่คาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 40,00 คน ซึ่งเป็นเกิดขึ้นทุกๆปีนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ดังนั้น นายแพทย์โรเบิร์ต เจนเซน แห่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคจึงได้ออกมาขอให้รัฐบาลได้รณรงค์เพื่อที่จะจัดการกับการระบาดของโรค

ศ.นายแพทย์ คาร์ลอส เดล ริโอ จาก มหาวิทยาลัยเอ็มโมรีกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การระบาดของเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามเมืองใหญ่ๆทั่วประเทศที่ผ่านมานี้ ก็ส่งสัญญาณให้เห็นว่า การติดเชื้อรายใหม่อาจจะสูงถึง 60,000 รายต่อปีซึ่งสูงกว่าที่รัฐบาลได้คาดการณ์เอาไว้ว่า 40,000 รายต่อปี