Skip to main content
sharethis

"ผมเห็นว่าคนนี้กระทำความผิด ผมก็เลยลุยให้ ไม่ได้ลุยให้หรอก ไม่ได้เดือดร้อนแทนหรอก แต่ผมเห็นว่าถ้ามีคนแบบนี้มากๆ ประเทศไทยก็ไม่ต้องพัฒนากัน" ฐิติกฤษณ์ เรืองประดับ ผู้กล่าวโทษ
- - - - - - - - - -

แม้โรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 ขนาด 1,468 เมกกะวัตต์ ที่ ต.บ้านป่า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จะเริ่มต้นก่อสร้างแล้วเมื่อไม่นานมานี้ แต่ความขัดแย้งในโครงการดังกล่าวกลับยังไม่ยุติ ทั้งยังดำเนินต่อไปด้วยความเข้มข้น และมีแนวโน้มจะนำไปสู่ความรุนแรงภายในชุมชนมากขึ้น

ความขัดแย้งเริ่มขยายตัวจากชาวบ้านที่คัดค้านโครงการฯ นำโดยกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่งคอย กับเจ้าของโครงการบริษัท กัลฟ์ พาวเวอร์เจนเนอเรชั่น จำกัด กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านในพื้นที่ด้วยกันเองคือ ฝ่ายคัดค้านกับฝ่ายสนับสนุน หรือ "ฝ่ายเขียวกับฝ่ายแดง" อย่างชัดเจน

ล่าสุด มีการออกหมายจับแกนนำฝ่ายคัดค้าน 5 คน ซึ่งผู้ที่แจ้งความมิใช่ บริษัท กัลฟ์ฯ เจ้าของโครงการอย่างที่หลายคนเข้า ไม่ใช่แม้แต่จะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ที่สนับสนุนโครงการ แต่เป็นการกล่าวโทษโดยนายฐิติกฤษณ์ เรืองประดับ อยู่บ้านเลขที่202/2 แขวงและเขตสะพานสูง จังหวัดกรุงเทพฯ ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองสระบุรี

เขาเป็นคนที่ไปเที่ยวแก่งคอยบ่อย และเห็นว่า ฝ่ายคัดค้านโรงไฟฟ้าฯ เคลื่อนไหวบิดเบือนข้อมูล เมื่อความอดทนสิ้นสุด เขาก็เข้ากล่าวโทษแกนนำฝ่ายคัดค้านฯ กับเจ้าที่ตำรวจในวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างถึงมาตรา 101 ของพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535

มาตรา 101 ระบุว่า "ผู้ใดแพร่หรือไขข่าวที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับอันตราย จากแหล่งกำเนิดมลพิษใดโดยมีเจตนาที่จะทำลายชื่อเสียงหรือความไว้วางใจ ของสาธารณชนต่อการดำเนินกิจการโดยชอบด้วยกฎหมายของแหล่งกำเนิดมลพิษ นั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ

หากการแพร่หรือไขข่าวตามวรรคหนึ่งกระทำโดยการประกาศโฆษณา หรือออกข่าวทางหนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือสื่อมวลชน อย่างอื่น ผู้กระทำผิดดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน ห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นี่นับเป็นกรณีแรกที่มีการกล่าวโทษโดยใช้มาตรา 101 ก็ว่าได้ "ประชาไท" ได้สนทนากับนายฐิติกฤษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงที่มาที่ไปในการกล่าวโทษและข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้น

--------------------

ประชาไท - จะขอสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่ฟ้องผู้คัดค้านโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2

ฐิติกฤษณ์ - ไม่ได้เป็นการฟ้อง เป็นการกล่าวโทษครับ หมายความว่าเป็นใครก็ได้ที่เห็นการกระทำความผิด คล้ายๆ ว่าเห็นคนนี้กำลังขโมยรถผมก็สามารถไปบอกตำรวจได้ พี่ตำรวจครับ คนนี้ผมเห็นเมื่อวานขโมยรถ ในทางเดียวกัน ผมก็อยู่กรุงเทพฯ และไปเที่ยวที่ศาลากลาง พกกล้องถ่ายรูปไป ผมเห็นการประท้วง ผมก็บอกตำรวจ

หมายความว่าตำรวจจะดำเนินการเองต่อไปจากนี้

ใช่ แต่อาจจะเรียกผมไปเป็นพยานได้

แล้วไม่ทราบว่าที่มาที่ไปของการกล่าวโทษครั้งนี้เป็นอย่างไร

พอดีว่าผมมีเพื่อนที่แก่งคอยหลายคน ผมเที่ยวแก่งคอยบ่อย และผมก็ไปเจอแบบนี้หลายครั้งแล้ว เห็นอย่างนี้หลายครั้งแล้ว ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เรียนกฎหมายมา และเป็นคนที่คบนักกฎหมายเยอะ เลยเอ๊ะ ก็เจอมาเห็นมาตรา 101 นี่แหละและได้ประวัติอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับคนแก่งคอย

แล้วมาตรา 101 นั้นว่ายังไงบ้าง

ไม่ต้องถามหรอก อย่างไรคุณก็รู้อยู่แล้ว

คืออยากทราบด้วย และยังไม่ค่อยเข้าใจ… เพราะคุณฐิติกฤษณ์เป็นคนกรุงเทพฯ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่

ผมไม่ใช่คนกรุงเทพฯ จริงๆ แล้วผมเป็นคนภาคใต้ แต่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เรียนหนังสือ

ไม่ทราบเป็นทนายความหรือเปล่า

ไม่ใช่ทนายความ แต่ว่าชอบค้นกฎหมาย

แต่ยังไมค่อยชัดเจนว่า การประท้วงนี้ทำให้คุณฐิติกฤษณ์เสียหายด้วยหรือไม่ อย่างไร

ฟังนะครับ ไอ้ประท้วงนี้ประท้วงได้ แต่ต้องพูดกันตามหลักความจริง ถ้าพูดตามหลักความจริงมันก็ไม่มีอะไรเสียหายเลย แต่ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งพูดเกินความจริง มันไม่ใช่การหมิ่นประมาทนะ ผมทำไม่ได้ต้องเป็นเรื่องของบริษัทเขา แต่ทีนี้ผมเห็นว่าคนนี้กระทำความผิด ผมก็เลยลุยให้ ไม่ได้ลุยให้หรอก ไม่ได้เดือดร้อนแทนหรอก แต่ผมเห็นว่าถ้ามีคนแบบนี้มากๆ ประเทศไทยก็ไม่ต้องพัฒนากัน

แสดงว่าคุณฐิติกฤษณ์นี่ตามเรื่องนี้มาโดยตลอด

ผมมองมานาน เพราะบอกแล้วไงว่าไปเที่ยวที่แก่งคอยบ่อย ผมชอบท่องเที่ยว ถ้าไปไหนก็จะมีกล้องถ่ายรูปติดตัวตลอด

แล้วเริ่มทราบเรื่องความขัดแย้งในพื้นที่นี้ตั้งแต่เมื่อไร

ผมก็ไปที่แก่งคอยหลายครั้งและมีเพื่อนมากที่แก่งคอย

แสดงว่าเพื่อนส่วนมากอยากให้มีโรงไฟฟ้าในพื้นที่

ไม่เชิงอย่างนั้น คือว่า เพื่อนๆ ที่ต่อต้านเขาก็มีเยอะ แต่ผมก็พูดในหลักการว่าถ้าเขามาโดยถูกต้อง ก็แล้วแต่คนส่วนมากเขาต้องการ

เคยมีการพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกันก่อนไหม ก่อนหน้าที่จะแจ้งกล่าวโทษ

ก็เคยพูดคุยกันอยู่ แต่ไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่าคุยกับใคร ทางนั้นก็พูดได้คำเดียวว่า ถูกไล่มาจากบ่อนอก เขาไม่ต้องการ ผมก็ไม่อยากคุยมาก

อยากทราบข้อเท็จจริงว่า มันมีการไขข่าวเท็จอย่างไรบ้าง แล้วข้อเท็จจริงจริงๆ นั้นเป็นอย่างไร อยากให้ช่วยชี้แจง

อันนี้ที่จะเอาไปลง มันเป็นอะไร

เว็บไซด์ประชาไทเป็นหนังสือพิมพ์ทางอินเตอร์เน็ต

อ๋อ ผมก็อ่านหลายครั้งอยู่ ที่อ่านล่าสุดว่าไปชลประทาน เห็นว่าไปเยอะ เป็นร้อยเหรอ

จริงๆ ก็มีการส่งข่าวมาอีกที ถ้าถามถึงตัวเลข ก็มีคนให้ข้อมูลว่าไม่ใช่ พยายามเช็คอยู่ ถ้าใช่หรือไม่ใช่อย่างไรก็ต้องมาแก้ไขกันอีกทีหนึ่ง

แต่อยากทราบข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย ก็เลยอยากรู้ว่าส่วนไหนที่มีการบิดเบือน และความจริงเป็นอย่างไร

จริงๆ แล้ว ถามว่าผมสนับสนุนไหม ก็ไม่ได้สนับสนุนและคัดค้าน

แต่เห็นว่าการพูดไม่ตรงความจริงมันไม่ถูกต้องอย่างนี้ใช่หรือไม่

ใช่ๆ สมมติผมเห็นคนขโมยรถจักรยานยนต์อยู่ ผมก็ต้องไปแจ้งตำรวจก็แค่นั้นอง เพราะถ้าเกิดมีคนแบบนี้ในสังคมมากๆ มันก็ไม่ไหว

จริงๆ ทางนั้นเขาคัดค้านกันบ่อยไหม

เขาก็มีระดับหนึ่ง แต่ไม่ถือว่าบ่อยมาก

แล้วการกล่าวโทษแบบนี้ ตำรวจจะเป็นคนส่งอัยการฟ้องเองรึเปล่า เผอิญไม่ค่อยเข้าใจกฎหมายเท่าไหร่

เมื่อกล่าวโทษแล้วมันถือเป็นคดีอาญาแผ่นดิน รัฐบาลเป็นโจทก์ถ้าถูกฟ้อง ในขณะที่เขาบอกว่าแก่งคอยมีมลพิษมากพอแล้ว ตามกฎหมายนี้ที่บอก ไม่แน่ใจว่ามาตราไหน ประมาณ 90 กว่าๆ เขาบอกว่าถ้าเกิดมีมลพิษมากแล้วจะมีการประกาศก่อน ถึงจะกล่าวอ้างขึ้นมาได้

อันที่จริงต้องมันต้องไปดูพื้นที่เองซักหน่อย อันนี้ผมก็ขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว แต่ว่าก็มีพรรคพวกที่ลงไปเที่ยว มีงานอะไรก็ลงไปประจำ

ตอนนี้โรงไฟฟ้าแก่งคอยอยู่ในขั้นไหนแล้ว

ตอนนี้เขากำลังสร้างอยู่ อยู่ในช่วงน่าจะเป็นตอกเสาเข็ม

กระแสของคนในพื้นที่ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ก็อย่างที่ผมบอกว่าควรลงไปเองดีกว่า แต่อย่างที่ผมเห็นวันที่ 12 ล่าสุดที่ศาลากลาง ก็มองได้อย่างชัดเจนว่าคนสนับสนุนหรือคนคัดค้านมากกว่า มันไม่สูสีเลย ถ้าเปรียบเป็นมวยมันคนละชั้น

วันที่ 12 พ.ค.ได้อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย

ผมก็ติดตามเรื่องนี้มามากเหมือนกันก่อนที่ผมจะกล่าวโทษใคร ผมก็ต้องมีข้อมูลระดับหนึ่งของผม ถ้าผมมีไม่มาก ผมเห็นแค่ครั้งเดียวก็คงไม่กล้าทำหรอก ผมก็กลัวบาป ก็ต้องตามพอสมควรเหมือนกัน เหมือนซึนามิผมก็ตามอยู่

แล้วที่กล่าวโทษมีทั้งหมดกี่คน

ที่เห็นอยู่ก็.....คุณก็น่าจะรู้อยู่นะ

คือจริงๆ จะขอยืนยันรายละเอียดว่าข้อมูลที่ได้มาถูกต้องหรือเปล่า

ก็ 4-5 คนเป็น 5 คนแล้วกัน

เห็นว่ามีฟ้องคนในภาพถ่ายด้วย อยากทราบที่มาที่ไปว่าคนในภาพถ่ายคือใคร

จริงๆ แล้วจะกล่าวโทษคนในภาพถ่ายทั้งหมด แต่มองแล้วตามหลักคิดว่าเอาเป็นแกนนำแล้วกัน เพราะคนที่มาส่วนมากจะไม่รู้เรื่อง ผมมั่นใจอย่างนั้นนะ

แล้วอีกคนที่ไม่มีชื่อนี่เป็นใคร

ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ผมเข้าใจว่าคนนั้นก็ต้องมีบทบาทมากเหมือนกัน

ไม่ทราบคุณฐิติกฤษณ์ทำอาชีพอะไร

อ๋อ ผมรับจ้างทั่วไป แต่ส่วนมากจะว่าง จะเที่ยวซะมาก รับงานเป็นจ็อบ

แล้วมีที่อื่นไหมที่คุณฐิติกฤษณ์ไปเที่ยวแล้วมีกรณีอย่างนี้จนต้องเข้าไปช่วย

ไม่หรอก ที่ไปเที่ยวที่นี้จะมองและสอบถามคนรอบๆ ทั่วไป ไม่ใช่มาข้างๆ คูๆ ว่าถูกไล่มาจากนู่นถูกไล่มาจากนี่ ก็มีแค่นั้น ถ้าเกิดค้านอย่างมีเหตุผลมันก็เข้าท่า

มีอะไรจะชี้แจงเพิ่มเติมไหม ในส่วนที่กลุ่มคัดค้านบิดเบือน

ผมคงไม่มี แค่ทำตามที่ผมเห็นเท่านั้นเอง

หมายเหตุ หลังมีการกล่าวโทษดังกล่าว ตำรวจได้ขอหมายจับแกนนำผู้คัดค้านโครงการจากศาลจังหวัดสระบุรี ซึ่งรายงานข่าวในช่วงประกันตัวนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษยังสับสนอยู่มาก แต่หลังจากมีการตรวจสอบในภายหลังจึงทราบว่า ผู้ที่กล่าวโทษมิใช่บริษัท กัลฟ์ พาวเวอร์เจเนอเรชั่น จำกัด เจ้าของโครงการ ประชาไทต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้

อ่านข่าวย้อนหลังที่http://www.prachathai.com/news/show.php?Category=nm&No=4634

ฐิติกฤษณ์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net