ประชาไท-6 มิ.ย. 48 "เงินที่จะเข้ากองทุนขององค์การอิสระผู้บริโภค ส่วนหนึ่งผมคิดว่าน่าจะเก็บเอาจากบรรษัทข้ามชาติ เช่น โลตัส หรือคาร์ฟูร์ เพราะว่าบรรษัทเหล่านี้เขาได้เงินจากผู้บริโภคโดยตรงและเงินดังกล่าวก็ไม่ได้ตกอยู่ที่ประเทศไทย แต่กลับไปยังประเทศที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่เหล่านั้น" นายองอาจ กองแสง เครือข่ายมาตรฐานรถยนต์ สภาผู้บริโภคกล่าวในการแถลงข่าวเพื่อนำเสนอร่างพ.ร.บ.องค์การอิสระผู้บริโภค พ.ศ......

โดยมีตัวแทนจากสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค(สอบ.) เครือข่ายผู้บริโภค 6 ภาค และเครือข่ายผู้เดือดร้อนจากผู้ประกอบการ ร่วมกันเสนอแนวทางในการสรรหาเงินกองทุนเข้าองค์การอิสระผู้บริโภคตามมาตรา 57 ที่กำหนดให้รัฐต้องจัดองค์การอิสระเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค โดยการจัดตั้งกองทุนนี้เป็นหนึ่งในข้อเสนอสำคัญ เพื่อเป็นทุนในการช่วยเหลือผู้บริโภคที่ถูกเอาเปรียบ และเพื่อทำการวิจัยในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค

นายองอาจเสนอด้วยว่า อีกวิธีหนึ่งในการหาเงินทุนเข้าสู่องค์การอิสระผู้บริโภคคือ การหักจากภาษีที่ผู้บริโภคจ่ายต่อรัฐ แต่จะเป็นสัดส่วนเท่าใดนั้น ต้องทำการศึกษาให้รอบคอบอีกครั้ง หรือไม่เช่นนั้นก็จะใช้วิธีหักเอาจากภาษีโฆษณาสินค้า เพราะการซื้อสินค้าของผู้บริโภคส่วนใหญ่จะมากจากการเห็นโฆษณาเป็นหลัก

ด้านน.ส.สายรุ้ง ทองปลอน ผู้จัดการสอบ. กล่าวเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนฯ ว่า ภาครัฐน่าจะทำการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินส่วนหนึ่งมาสนับสนุนกองทุนดังกล่าว เพราะองค์การอิสระผู้บริโภคจำเป็นจะต้องมีเงินทุนสำรองในการทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเสริมสร้างความเข้มแข็งฝ่ายผู้บริโภค เงินทุนสำรองเพื่อการต่อสู้คดี หรือจะเป็นการทำวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค

"คำว่าภาครัฐในที่นี้โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้คิดว่าจะเป็นรัฐบาล เพราะถ้ามองในแง่รวมแล้วมันเป็นภาระหน้าที่ของรัฐในความหมายของประเทศมากกว่า และเป็นไปไม่ได้ที่จะมาจากรัฐบาล เพราะองค์การอิสระฯ นี้จะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจรัฐ หรือแม้แต่สคบ.เองก็ตาม" ผู้จัดการสอบ.กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงายว่า ตัวแทนเครือข่ายผู้บริโภคบางส่วนได้เสนอให้มีการจัดสรรเงินจากรายได้ของกองฉลากส่วนหนึ่งมาเป็นกองทุนสมทบในองค์การอิสระผู้บริโภคที่จะเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ ม. 57 ด้วย

สิรินภา อิ่มศิริ