ภาพจาก
www.taipeitimes.com
--------------------------
ประชาไท -28 มี.ค.48 น.พ. นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานกรรมาธิการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา (กมธ.)ท้าทายรัฐเปิดอภิปรายกลางรัฐสภา ตั้งคณะกรรมาธิการหลายฝ่าย ทั้งรัฐ ฝ่ายค้าน วุฒิ ร่วมถกเอฟทีเอ ไทย - สหรัฐ
วันนี้ คณะกรรมาธิการต่างประเทศ ภายใต้คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์ วุฒิสภา ร่วมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน, WTO WATCH, FTA WATCH จัดสัมมนาวิชาการสาธารณะเรื่องจับตาการเจรจาเอฟทีเอ ไทย - สหรัฐ รอบที่ 3
โดยนพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานกมธ.ฯ กล่าวถึงข้อเสนอทางนโยบายเกี่ยวกับการค้าเสรี ไทย - สหรัฐว่า รัฐบาลควรนำเรื่องเปิดเจรจาเอฟทีไทย - สหรัฐเข้าสู่กระบวนการทางรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 เพื่อจะนำมาสู่การตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระหว่างพรรคฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวุฒิสภาให้สามารถติดตามเรื่องเอฟทีเอได้ เพราะเป็นปัญหาที่สำคัญต่อชีวิตและประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับรัฐบาลในการปฏิบัติให้ถูกต้อง และโปร่งใส
"การเจรจาที่อยู่เฉพาะในห้องปิดแล้วใครที่ไหนจะไปรู้ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารให้ใครรู้แม้กระทั่งอนุกรรมาธิการ วุฒิสภา"
ทั้งนี้ รัฐบาลควรเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเจรจาเอฟทีเอ ไทย - สหรัฐ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 53 เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อสังคม และชี้ให้เห็นถึงความเป็นธรรมของประชาธิปไตย
น.พ. นิรันดร์ เสนอด้วยว่า การเจรจาเอฟทีเอ ควรมีกระบวนการการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างแท้จริง โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมประชาวิจารณ์ ประชามติให้ถูกต้องตามหลักการ และยุติธรรม เพราะถือว่าเอฟทีเอเป็นเรื่องใหญ่ซึ่งอาจจะนำมาสู่ความล่มสลาย ประเทศไทยควรจะสามารถเลือกที่จะเป็นสังคมคู่ขนานระหว่างเศรษฐกิจ กับเสรีธรรม
นอกจากนี้ น.พ. นิรันดร์เสนอให้ยกประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาออกจากการเจรจา เอฟทีเอ แต่หากจำเป็นต้องเจรจาในกรณีที่ไม่สามารถต่อรองได้ให้ยกเว้นการเจรจาในประเด็นยาที่จำเป็นต่อชีวิต
"เรื่องยามันไม่เข้าใครออกใครทั้งคนรวยคนจน โดยเฉพาะโรคไตขนาดเศรษฐีร้อยล้านยังสะดุ้ง ยาไม่เหมือนสินค้า แต่เอากฎเกณฑ์ทางสินค้ามาผูกมัดเรามันเป็นการละเมิดสิทธิ"
จันทร์สวย จันเป็ง