"ป๋าเปรม" ชี้ทางดับ 3 จว. ใต้

กรุงเทพฯ- 28 ก.พ.48 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษกล่าวตอนหนึ่งในงานสัมมนา" การรวมพลังแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ตามแนวพระราชดำรัส" จัดโดยมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ ว่า ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหา 2 ฝ่าย รัฐฝ่ายหนึ่ง และที่เรียกว่าผู้ก่อการไม่สงบอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเราไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใคร การนำพระราชดำรัสนี้ไปใช้จึงต้องใช้กับทั้ง 2 ฝ่าย คำว่า "เข้าใจ" นั้น รัฐต้องเข้าใจผู้ปฏิบัติการทั้งฝ่ายเราและอีกฝ่ายหนึ่ง

ดังนั้นรัฐต้องเข้าใจปัญหาทั้งฝ่ายเราและอีกฝ่าย คำว่า "เข้าถึง" นั้น เมื่อมีความเข้าใจชัดเจนแล้ว รัฐต้องเข้าถึงความต้องการและความไม่ต้องการของทั้ง 2 ฝ่ายในทุกมิติ คำว่า "พัฒนา" นั้น รัฐต้องพัฒนาทั้ง 2 ฝ่าย พัฒนาความเข้าใจ พัฒนาความเข้าถึง พัฒนาความรู้ พัฒนาอาชีพ พัฒนาสุขภาพ พัฒนาการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และความสงบ

ที่สำคัญมากๆ คือ การนำกระแสพระราชดำรัสไปใช้ต้องกระทำทั้งทางกาย คือ ที่แตะต้องได้ และทางใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาจิตใจทั้ง 2 ฝ่าย ไม่เช่นนั้นการปฏิบัติจะยากจะใช้เวลานานกว่าจะสำเร็จ

"มีการกล่าวกันในวงแคบๆ ว่า เราชาวพุทธ มองคนไทยมุสลิมเป็นประชาชนชั้น 2 ข้อนี้ขอปฏิเสธ ตรงข้าม เรารักและเข้าใจคนไทยมุสลิมทุกคน คนไทยทุกคนทุกเชื้อชาติศาสนามีความเท่าเทียมกันทุกประการ รัฐจำเป็นต้องทำให้เกิดความเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา ปรับความคิด คนไทยภาคอื่นๆน่าจะร่วมมือกันให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัด และให้ความคิดที่ถูกต้องกับอีกฝ่ายไปพร้อมๆ กัน" พล.อ.เปรม กล่าว

ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ยังกล่าวอีกว่า การกระทำการใดๆ จะต้องถือว่าเอากฎหมาย กฎสังคมเป็นบรรทัดฐาน จะต้องมีความรัก ความปรารถนาดี และความเป็นธรรมปราศจากอคติ เมื่อใดที่เรามีทั้ง 3 สิ่งนี้เราจะมุ่งมั่น ทุ่มเท และมีความสุข อิ่มเอิบใจไม่ท้อถอย ไม่ท้อแท้ เมื่อใดเรามีความเป็นธรรมในการปฏิบัติ ผู้รับการปฏิบัติจะมั่นใจ ศรัทธา เชื่อถือและยอมรับด้วยความพอใจ

"หมอเกษม" แนะแก้ปัญหาปากท้องก่อน

จากนั้นได้มีการบรรยายพิเศษเรื่อง "การแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามแนวพระราชดำรัส" โดย ศ.น.พ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ได้อัญเชิญพระบรมราโชวาท และกระแสพระราชดำรัสในพระราชกรณียกิจต่างๆ ของทั้งรัชกาลที่ 7 รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประกอบการบรรยายว่า พระบรมราโชวาทและกระแสพระราชดำรัส ล้วนให้หลักคิดผู้ที่มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหานำมาประยุกต์ใช้ เป็นนโยบายและแนวทางแก้ปัญหาได้

ศ.น.พ.เกษม ยังได้ยกกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับการศึกษา ศาสนา และความสามัคคีว่า ปัญหาชายแดนภาคใต้ถึงแม้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไข การที่จะแก้ไขได้นั้นต้องอาศัยประสบการณ์และปัญญาของผู้อื่นมาช่วยคิดช่วยแก้ การประมาทปัญญาผู้อื่นเท่ากับเป็นการไม่ได้ใช้พื้นฐานที่มีอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์ต่อไป จึงต้องไม่ปฏิเสธปัญญาของผู้ใด

"ที่ผ่านมาประชาชนใน 3 จังหวัด นอกจากจะประสบปัญหาความไม่ปลอดภัยแล้วยังประสบปัญหาทำมาหากินไม่ได้ เศรษฐกิจรากหญ้าต้องหยุดชะงัก ถ้าเราไม่แก้ตรงนี้เชื่อว่าจะยิ่งยากลำบาก " น.พ.เกษม กล่าว

น.พ.เกษม ยังแนะนำถึงการพัฒนาด้านการศึกษาด้วยว่า การศึกษาจะต้องศึกษาทั้งด้านจิตใจและวัตถุ พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าศาสนาเป็นเรื่องสำคัญ และรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ผ่านมาบัญญัติไว้ว่า ในหลวงทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกของทั้ง 5 ศาสนา ซึ่งถ้าเราถ่ายทอดให้ทุกคนเข้าใจตรงกันว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการจะเลือกเป็นศาสนิกชนของศาสนาใดก็ได้ อย่าเอาความแตกต่างของพิธีกรรมมาเป็นเชื้อให้เกิดความขัดแย้ง เพราะหลักของทั้ง 5 ศาสนา มีส่วนเหมือนกัน 3 เรื่อง คือ การยกย่องความสัตย์ การเห็นคุณค่าความเป็นคน และรักเมตตาต่อสรรพสัตว์ในโลก

น.พ.เกษม ยังกล่าวด้วยว่า ตนไม่ได้มองผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ภาคใต้แบบแบ่งเขาแบ่งเรา แต่มองในฐานะประชาชนทั่วไป ที่เมื่อมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นก็อดสะเทือนใจไม่ได้ ซึ่งควรให้การเสียชีวิตเป็นบทเรียนกับทุกฝ่ายว่า ความรุนแรงนำมาซึ่งความเสียหายกับทุกฝ่าย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท