ประชาไท -- 24 ม.ค. 48 ดร.นันทวรรณ วิจิตรวาทการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ ประจำวิทยาลัยสาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยา กล่าวบรรยายในการประชุม "ถ่านหินโลก" ว่า ยังไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่ามลพิษทางอากาศจากเหมืองและโรงไฟฟ้าแม่เมาะ อยู่ในระดับที่ปลอดภัยจริงหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ได้มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ละเอียดเพียงพอที่จะตัดสิน

ในขณะเดียวกันมาตรฐานของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตก็เป็นคนละมาตรฐานกัน โดยดร. นันทวรรณ กล่าวว่า มาตรฐานความปลอดภัยของกฟผ. อยู่ที่ตัวเลขขั้นต่ำที่กำหนดไว้และเป็นตัวเลขตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ชาวบ้านต้องการ "ความรู้สึก" ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ดร. นันทวรรณได้บรรยายถึงละอองฝุ่นจากเหมืองแม่เมาะว่าเป็นฝุ่นขนาดเล็ก ซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเบื้องต้นจะทำให้การหายใจติดขัด หายใจเป็นห้วงสั้น ๆ ในระยะต่อมาจะทำให้ความสามารถในการรับออกซิเจนน้อยลงส่งผลต่อระบบหัวใจและสมอง ในขั้นท้ายจะส่งผลต่อปอดและเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งปอดในที่สุด

นอกจากนี้ ดร.นันทวรรณ ได้แสดงแผนภูมิระดับฝุ่นละอองที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะปล่อยออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอยู่ในระดับผ่านมาตรฐานในปี 2544, 2546 และ 2547 แต่ก็มีคำถามว่าการผ่านมาตรฐานแบบใกล้เส้นมาตรฐาน กับผ่านมาตรฐานที่สูงกว่าที่กำหนดมากนั้นมีความแตกต่างกันหรือไม่

"ถ้ามาตรฐานมลพิษอยู่ที่ไม่เกิน 50 การผ่านมาตรฐานระหว่าง 40 กับ 49 มีความแตกต่างกันหรือไม่" ดร.นันทวรรณ ยกตัวอย่าง

สำหรับกรณีที่มีการต่อต้านถ่านหินจากชาวบ้านในพื้นที่อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่ของเหมืองถ่านหิน และโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ โดยชาวบ้านกล่าวว่าเทคโนโลยีถ่านหินนั้นไม่สะอาดจริง และส่งผลให้ชาวบ้านเจ็บป่วยและเสียชีวิตจำนวนมากนั้น นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการการฟ้าแห่งประเทสไทยกล่าวว่า การประชุม "ถ่านหินโลก" ครั้งนี้ จะมีการพูดถึงเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ซึ่งจะแก้ปัญหาเรื่องมลภาวะจากการเผาไหม้ถ่านหินได้

สำหรับ วิธีแก้คือการพยายามทำความเข้าใจกับประชาชน และยืนยันว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตยึดถือในมาตรการจากผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อยู่แล้ว ถ้า EIA ไม่ผ่าน โครงการก็ไม่สามารถดำเนินการได้

พิณผกา งามสม
ประชาไทรายงาน