รายงานพิเศษ ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ที่ส่งผลต่อคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ทำหนังสือชี้แจงและแสดงความเห็นทางกฎหมายและนโยบายสาธารณะ ถึงนายกระมล ทองธรรมชาติ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2547 ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สัญชาติ ดังนี้

ในหนังสือระบุว่า ความเห็นในประเด็นที่ว่า "ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2515 ข้อ 1 และข้อ 2 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 มาตรา 30 และมาตรา 32 หรือไม่" นั้น

รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ มีความเห็นว่า โดยตัวบทบัญญัติแห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2515 ไม่อาจขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 มาตรา 30 และมาตรา 32 ทั้งนี้ เพราะประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าวได้สิ้นผลเป็นกฎหมายในวันที่ 26 ก.พ.2535 เนื่องจากถูกยกเลิกโดยมาตรา 3 แห่งพ.ร.บ.สัญชาติ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 มาตรา 3

ดังนั้น การขัดกันหรือแย้งกันแห่งบทบัญญัติของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับจึงไม่อาจเกิดขึ้น จะเห็นได้ว่า เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 มีผลเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าวก็สิ้นผลไปแล้ว

แต่ผลร้ายของประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2515 ที่ทำให้เกิด "คนไร้สัญชาติ(Nationlityless Person)" และ คนไร้รัฐ(Statrless Person)" เป็นสิ่งที่ขัดอย่างชัดเจน ต่อ "หลักสิทธิมนุษยชน" ซึ่งได้รับการยอมรับในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 มาตรา 4 เนื่องด้วย ความไร้รัฐและความไร้สัญชาติของบุคคล ย่อมทำให้บุคคลประสบอุปสรรคที่จะใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ในการเข้าสู่ปัจจัย 4 แห่งความเป็นมนุษย์ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จึงไม่อาจบังเกิดแก่คนไร้รัฐเลย หรือแทบจะไม่อาจบังเกิดแก่คนไร้สัญชาติ

นอกจากนั้น สภาพความไร้รัฐและความไร้สัญชาติยังได้นำไปสู่ความขาดไร้ซึ่งความคุ้มครองในสิทธิและเสรีภาพอีกด้วย ซึ่งปัญหาดังกล่าวถูกยืนยันโดยผลการวิจัยจำนวนมากที่ทำขึ้นในเรื่องนี้ ทั้งโดยนักวิชาการไทยเองและนักวิชาการจากต่างประเทศ

ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2515 ได้ทำให้คนสัญชาติไทยจำนวนไม่น้อยตกเป็นคนไร้สัญชาติ ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.2515 ทั้งนี้ เพราะข้อ 1 แห่งกฎหมายนี้ได้ถอนสัญชาติไทยของคนสัญชาติไทย เพราะเกิดในประเทศตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.2456 จนถึงวันที่ 13 ธ.ค.2515 หากมีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองไทยมาในลักษณะไม่ถาวร หรือในกรณีที่ไม่ปรากฏมีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย มารดาเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองไทยมาในลักษณะไม่ถาวร

โดยที่คนต่างด้าวจำนวนไม่น้อย ที่เข้ามาในประเทศไทยในราวก่อน พ.ศ.2500 เป็นบุคคลที่อพยพเข้ามาจากดินแดน ซึ่งปัจจุบันเป็นอาณาเขตของประเทศจีน ประเทศเวียดนาม ประเทศลาว และประเทศพม่า ในขณะที่ยังไม่มีการจัดทำทะเบียนราษฎรในประเทศดังกล่าว พวกเขาจึงไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎรของประเทศใดเลยในโลก

พวกเขาจึงกลายเป็นบุคคลไร้รัฐ แต่เมื่อบุตรของพวกเขาเกิดในประเทศไทย กฎหมายไทยในช่วงก่อนที่จะใช้ประกาศคณะปฏิวัติฉบับนี้ ก็ยอมรับให้สัญชาติไทยโดยหลักดินแดนแก่บุคคลดังกล่าว สภาพความไร้สัญชาติจึงไม่เกิดแก่บุตรที่เกิดในประเทศไทย จากบุพการีซึ่งเป็นคนไร้รัฐ และกฎหมายไทยในยุคนั้น ก็ยอมรับให้บุพการีที่ไร้รัฐนี้ เป็น "คนต่างด้าวที่มีสิทธิอาศัยโดยชอบด้วยกฎหมายโดยกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง"

กล่าวคือ พวกเขาจะได้รับการลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรไทย อันหมายความว่า ประเทศไทยยอมรับเป็นเจ้าของภูมิลำเนาของบุคคลดังกล่าว แม้ว่าจะไม่ยอมรับให้สัญชาติไทย ความมั่นคงของมนุษย์จึงบังเกิดแก่ชนกลุ่มน้อยที่เข้ามาตั้งรกรากในประเทศไทย และความเป็นเอกภาพแห่งพลเมืองไทย จึงค่อยๆ ทำงานโดยใช้กลไกของหลักดินแดนและโดยกลไกของระยะเวลาที่ก่อให้เกิดความกลมกลืนทางสังคมและวัฒนธรรม ความแตกแยกทางชาติพันธุ์ จึงไม่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ

สภาวะแห่งสันติในการจัดการประชากร โดยกลไกธรรมชาติของหลักดินแดน และหลักความกลมกลืนทางสังคมและวัฒนธรรมต้องสิ้นสุดลง ในวันที่ 14 ธ.ค.2515 โดยมีผลของประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2515

ครั้นเมื่อ ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2515 ในข้อ 1 ปฏิเสธที่จะให้สัญชาติไทยโดยหลักดินแดนต่อไป แก่บุตรของบุคคลดังกล่าวที่เกิดในประเทศไทย ในวันนี้ พวกเขาจึงไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎรของประเทศใดเลยในโลก ตกเป็นคนไร้สัญชาติตามบุพการี อันหมายความว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวนี้ก็จะตกเป็น "คนไร้สัญชาติโดยข้อกฎหมาย" และอาจตกเป็น "คนไร้รัฐ" อีกด้วย

ผลร้ายจากความไร้สัญชาติในลักษณะที่คล้ายกัน ย่อมตกแก่บุคคลที่เกิดในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.2515 จนถึงวันที่ 25 ก.พ. 2535 โดยผลของประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2515 ข้อ 2 หากบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นคนต่างด้าวที่ไร้สัญชาติและเข้าเมืองไทยมาในลักษณะไม่ถาวร หรือในกรณีที่ไม่ปรากฏมีบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย มารดาเป็นคนต่างด้าวที่ไร้สัญชาติและเข้าเมืองไทยมาในลักษณะไม่ถาวร

รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ ยังระบุอีกว่า แม้ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2515 จะถูกยกเลิกแล้ว แต่ด้วยเหตุผลที่ปัญหาทางสังคมที่ร้ายแรงดังกล่าว เกิดจากประกาศคณะปฏิวัติฉบับนี้ ยังคงปรากฏอยู่ในสังคมไทยปัจจุบัน จึงทำให้มีข้อเรียกร้องจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ทั้งในระดับภายในประเทศและภายนอกประเทศไทย ให้เยียวยาผลร้ายของประกาศคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้มีมติหลายครั้ง เพื่อที่จะขจัดปัญหาความไร้สัญชาติให้แก่บุคคลธรรมดาที่เกิดในประเทศไทย หรืออาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาความไร้สัญชาติก็ยังคงมีจำนวนมาก เนื่องจากความไม่มีประสิทธิภาพของมาตรการของหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการขจัดปัญหาความไร้รัฐและความไร้สัญชาติให้แก่บุคคลที่อาศัยอยู่มานานแล้วในประเทศไทย และเนื่องจากจำนวนคนไร้รัฐจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาใหม่เพิ่มเติม

ปัญหาคนไร้สัญชาติในประเทศไทย จึงซับซ้อนมากขึ้นและใหญ่โตมากขึ้นจากเดิม จนทำให้ทางราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่อาจแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากยังคงมีบุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ด้วยเหตุที่ตกเป็นคนไร้สัญชาติ โดยผลของประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2515 นั่นเอง
โดยสรุป ตัวบทบัญญัติของประกาศคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าว มิอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญได้ เพราะประกาศคณะปฏิวัติฉบับนี้ไม่มีผลเป็นกฎหมายแล้ว แต่ด้วยผลร้ายที่ยังคงคั่งค้างแก่บุคคลที่เกิดในประเทศไทย จากคนไร้สัญชาติที่อพยพเข้ามานานแล้วในประเทศไทย จึงส่งผลให้ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธ.ค.2515 ยังอาจก่อผลที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งได้รับการยอมรับในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 ในวันนี้ซึ่งประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าวสิ้นผลลงแล้ว

องอาจ เดชา
ศูนย์ข่าวภาคเหนือ รายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท