รถไฟใต้ดินชนกัน : คำถามจากอินเตอร์เน็ต

หลังจากข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรถไฟฟ้ามหานคร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาม และนายกรัฐมนตรีเป็นไปในทางเดียวกัน และได้ผ่านการสวบสวนประมาณ 3 ชั่วโมง ว่า เหตุรถไฟฟ้าใต้ดินชนกันครั้งนี้ เกดขึ้นจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ที่ทำการปลดเบรกลมรถไฟฟ้าซึ่งหมดกำลังไฟขณะที่กำลังทำการพ่วงต่อกับรถไฟอีกขบวนหนึ่ง เพื่อลากกลับเข้าโรงซ่อมพระรามเก้า ประชาไท พบความเห็นของผู้อ่านจากผู้จัดการออนไลน์ตั้งคำถามที่น่าสนใจหลายประการ ซึ่งผู้ตั้งคำถามใช้นามปากกาว่า nuy_et

"ว่าแล้ว..ความจริงมักถูกปิดบัง...(จากวิศวกรฅนหนึ่ง)
กรณีนี้ลองวิเคราะห์..ดู..น่าจะมาจากสาเหตุ..ศูนย์ควบคุมระบบมากกว่า...เพราะ...

1..เวลาอยู่บนรถ..จะไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าเลย..มีแต่ต้องเชื่อมอนิเตอร์จากระบบควบคุมว่าทางข้างหน้าปลอดโปร่งและโล่ง..ไม่มีสิ่งกีดขวาง..การที่มีนายขบวนนั้น..ปกติเขาเอาไว้สำหรับ..กรณีแบบนี้แหละ..เพราะเบรคฉุกเฉินไง...โอกาสหยุดโดยไม่ชนเลย..ยาก...เนื่องจากความเร็วโดยระบบไม่ต่ำกว่า 50 กิโลต่อชั่งโมง...ระยะเบรคย่อมเป็น 100 เมตรขึ้นไปอยู่แล้ว..รถมันหนักนะ..ไม่ต่ำกว่า 20 ตัน...

2..ระบบการสื่อสารอาจมีปัญหา..เลยทำให้ขบวนรถทั้งขบวนหายไปจากระบบการควบคุม.ขบวนหลังเลยไม่ทราบว่ามีขบวนหน้าจอดรออยู่..หากเป็นกรณีนี้...โทษโปรแกรมได้...แสดงว่าไม่มีระบบการติดตามสำรองใช้งานเหมือนต่างประเทศ..หรือไม่ก็ระบบชดเชยเวลา(เวลาเร่งด่วนความถี่รถจะมาก..เวลาปกติจะน้อย..)มันห่วย..ไม่สัมพันธ์กัน...หรือมีช่วงเวลาที่ไม่เชื่อมกัน(Timing Link)..

3..การควบคุมความเร็วในรถไฟฟ้าใต้ดิน...ปกติแน่นอนอยู่แล้ว..นายขบวนไม่สามารถเพิ่มได้โดยเด็ดขาด โดยที่สถานีควบคุมไม่ทราบ....และการบังคับความเร็วแบบนี้ส่วนใหญ่ มากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์จากสถานีควบคุมทั้งนั้น...

4..หากเป็นอย่างที่แถลง...เบื้องต้นว่า..ขบวนที่ลากเพื่อเข้าอู่ซ่อม..หลุดจากตู้ลาก..แล้วไหลมาชน..ยิ่งเป็นไปได้ยากมาก...เนื่องจาก...สภาพรางบริการก่อนเข้าศูนย์ซ่อมที่พระรามเก้า..(ตามข่าวที่แจ้ง)..เป็นรางเดี่ยวแยกออกจากรางบริการปกติ.ต้องมีที่สับรางเหมือนที่สับรางของรถไฟบนดินนั่นแหละ เพียงแต่ใช้ระบบควบคุมจากสถานี(ไม่สับให้ตกรางเพราะ....เจ้าหน้าที่ไม่ตัดสินใจ..กลัว..ไม่มีปัญญาจ่าย..หรือ...)..และแน่นอน..ย่อมมีความลาดชันอยู่บ้าง...แต่...จากรางบริการ..มาสู่รางซ่อม..มีระยะทางไม่ต่ำกว่า 3 กิโลเมตร...ฉะนั้นการเพิ่มความเร็วจากศูนย์เป็น 40-50 กิโล..(ปล่อยไหล)..ยิ่งเป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด..เว้นแต่รถไฟฟ้าใต้ดินจะใช้ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ราง...จึงทำให้รถคันดังกล่าวรับกระแสไฟฟ้าจากราง..แล้วเพิ่มความเร็วได้เอง...กรณีนี้ยิ่งชี้ชัดว่า..ระบบควบคุมไม่สามารถสั่งเบรครถไฟฟ้าคันอื่นๆ ที่มีปัญหานอกจาก..คันปกติๆ ได้..

ยกตัวอย่างที่ต่างประเทศ...ทั้งสายมีรถไฟฟ้า 6 ขบวนวิ่งอยู่ปรากฏว่า..มีขบวนหนึ่งจอดเสียอยู่..ผลทำให้ทุกขบวนหยุดที่สถานีถัดไปหรือหยุดฉุกเฉินโดยอัตโนมัติเพื่อรอการแก้ไข...บ้านเราก็เป็น..ของรถไฟฟ้า BTS ไง...เป็นออกจะบ่อย...เห็นเดือนละหนได้....

เมื่อกี๊ฟังข่าวมาแล้ว....ทราบว่าบนรถคันเปล่ามีพนักงานเดินรถอยู่ด้วย....

5..แสดงว่าในขั้นตอนการเคลื่อนย้ายรถเพื่อเข้าศูนย์ซ่อม..ที่พระรามเก้า (ตามข่าวที่อ้าง)..ทางศูนย์ควบคุมรถย่อมต้องทราบแน่นอนว่า.รถคันดังกล่าวเข้ามาซ่อมด้วยเหตุใด...สมมุติว่ามีการตัดระบบการควบคุมรถเพื่อที่จะส่งงานต่อให้ศูนย์ซ่อม..ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย...เพราะการตัดระบบควบคุมนั้น..หากตัดระบบออกไปแล้ว..แน่นอนรถย่อมไม่สามารถทำงานได้โดยเด็ดขาด...วิ่งก็ไม่ได้ด้วย...เอ้า..เกิดมีคนเถียงว่าตัดเฉพาะระบบควบคุม....งั้นถาม..ชัดเจน..ไอ้คนที่อยู่บนรถ...มีไว้ทำอะไร....แน่นอนต้องเอาไว้เบรคตัวรถเมื่อเข้าศูนย์ซ่อม...ฉะนั้น..งานนี้..แยกสองประเด็น...

5.1..ความผิดพลาดของศูนย์ควบคุม...

5.2..ความผิดพลาดของพนักงานเดินรถคันเปล่า(ที่ถอยไปชนชาวบ้าน)...สภาพตัวบุคคลเป็นอย่างไร...สภาพจิตใจ..

6..อย่าให้คิดเลย...(สมมุติ)...พนักงานเดินรถเปล่า..ด้วยความเคยชิน..แทนที่จะขับไปศูนย์ซ่อม...ดันขับไปเส้นทางปกติ..เพราะเคยชิน..ขับทุกวัน...เลย..เผลอ...หากเป็นอย่างงี้..ก็...(ไม่อยากคิด)

7..เรื่องที่จะอ้างว่าใช้ระบบควบคุม..ล้าสมัยบ้างละ..ยี่ห้อห่วยบ้างละ...(อันนี้พยายามมองเป็นกลางหน่อยนะ...)...ทุกยี่ห้อนั้นดีหมดแหละ...อยู่ที่เรารับข้อจำกัดของมันได้แค่ไหน..และแบบไหนเข้ากับเราหรือเราสามารถเขียนโปรแกรมเสริมส่วนที่ขาดได้มากน้อยเพียงใดต่างหาก..
หากว่ามันไม่ดี..ประเทศอื่นๆ..คงไม่ใช้มาไม่ต่ำกว่า 50-60 ปีได้หรอก...
8..หาก รมต. ทั้งหลายมานั่งรถเพื่อตรวจสอบ..แน่นอนย่อมต้องไม่เห็นข้อผิดพลาดหรอก..ก็เขานั่งคันปกตินี่....พวกนี้น่าจะไปนั่งไอ้คันที่ผิดปกติ..ในที่นี้ก็คือไอ้คันเปล่าที่ถอยไปชนชาวบ้านนั่นแหละ..ถึงจะรู้ว่าทำไม..มันถอยหลังได้.และไม่มีเบรค..โดยที่ไม่มีใครรู้เลย....

อย่าลืมว่าตามข่าว..รถไฟใต้ดินทุกอย่างเป็นปกติ...ยกเว้นไอ้คันที่เสีย...(นี่ต่างหากจำเลย)...แถมคันปกติมันก็มีไฟเตือนความไม่พร้อมบอกตามปกติ ตามที่มันควรจะเตือนด้วย...แล้วไปออกข่าวว่า..รมต..จะนั่งรถไฟย้อนรอย..ตามเส้นทาง...เฮอะ..ให้นั่งอีก 10 ปี ก็ไม่เจอสาเหตุหรอก..มันคนละคัน(หมายถึงคันที่เป็นปัญหาจริงๆ..มันไม่ใช่รถขบวนตามปกตินะสิ)...

มาวิเคราะห์ต่อ...(ใครอ่านกระทูแล้วช่วยเก็บไว้ด้วย..เดี๋ยวโดนลบ..สังหรณ์)
..กรณีนี่แยกเป็น 3 ส่วน..

1..รถโดยสายในระบบตามปกติ.ที่วิ่งมาจาก บางซื่อ จนถึงจุดเกิดเหตุ..ฅนขับแจ้งว่าขณะจอด..และเตรียมตัวเพื่อเดินทางต่อไปยังสถานีพระรามเก้านั้น..ระบบเตือนภัยทำงานปกติ..คือไฟเตือนไม่พร้อมเดินทางยังติดอยู่(จากข่าวที่ฟัง)..แสดงว่าระบบรับรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น..เพียงแต่ไม่สามารถระบุได้ว่า...เกิดจากอะไร..

2..รถไฟฟ้าคันที่พุ่งถอยหลังมาชน(ตามข่าวว่าอย่างนั้นนะ)..อันนี้ไม่มีข้อมูลใดๆ..เลย..ถ้าวิเคราะห์..ก็เป็นรถที่กำลังนำเข้าศูนย์ซ่อมที่พระรามเก้า...ซึ่งปกติ..รางบริการ..ย่อมแยกออกจากรางโดยสารอยู่แล้วและห่างมาก...ซ้ำตามแผนที่(ที่เห็นเส้นทาง)..บ่งบอกว่าไม่ใช่เส้นตรง..จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดการไหลของตัวรถ...ด้วยความเร็วสูงถึงขนาดนั้น...(ดูจากเส้นทางและระยะทางแล้ว...หากปล่อยไหลได้จริง..ไม่น่าไหลเกินกว่า 1300 เมตรด้วยซ้ำ..แม้ว่าจะมีทางลาดบางช่วงก็จริง)...อีกทั้งส่วนเชื่อมต่อระหว่างรางบริการและรางโดยสารย่อมต้องมีระบบ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการสับรางอยู่ (เหมือนรถไฟบนดิน..หาดูตามสถานีต่างจังหวัด หรือปริมณฑลได้)...ทั้งยังควรจะมีประตูกั้นอีกต่างหาก...(อันนี้ไม่รู้ว่ามีหรือเปล่า)...ขณะเกิดเหตุ..ทันทีที่รถไหลถอยหลัง..เจ้าหน้าที่บนรถจะไม่ทราบเลยหรือว่ากำลังถอยหลังอยู่...เพราะระยะเวลาแระยะทางจากศูนย์ซ่อมพระรามเก้าดูจากแผนที่แล้ว..น่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 นาทีหากเดินทางด้วยความเร็วมากกว่า 70 กิโลต่อชั่วโมง...ระหว่างนี้เกิด..อะไร...

3..ศูนย์ควบคุม...อันนี้ปฎิเสธความรับผิดไม่พ้นแน่นอน...กรณีรถทุกขบวนในเส้นทางไม่ว่าจะดีหรือไม่อย่างไหร่ เวลาไหน...ย่อมต้องรู้เด็ดขาดว่า..ขบวนไหนอยู่ตำแหน่งไหน...ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ที่จอดเฉยๆ ในศูนย์ซ่อม..หรือ..สุดทางเพื่อรอเสริม ก็ตาม...ดังนั้น..ขณะเกิดเหตุ..เจ้าหน้าที่ควบคุมศูนย์ทำอะไร อยู่...
...
แบไต๋มาแล้ว....จอดเสียอยู่บนทางลาดชัน...แต่ไม่สามารุเกี่ยวรถได้..เลยปลดเบรค(เหมือนปลดเบรคมือรถบนเนินนั่นแหละ)..เฮ้อ...แล้วไอ้ตอนไหลไม่สามารถเบรคได้หรือ....ทำไม่ไม่เกี่ยวกันทางราบละ...รถไฟบนดิน..มีใครเคยเห็นเขาเกี่ยวกันทางลาดชันและเป็นทางโค้งบ้าง..."
http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9480000007566

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท