การเมืองคือเรื่องชนเผ่าแม่ฮ่องสอน สนุกแน่ กระเหรี่ยงชนกระเหรี่ยง

การต่อสู้ทางการเมืองในพื้นที่ภาคเหนือนั้นรุนแรงขึ้นทุกพื้นที่ ไม่เว้นแต่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเล็กๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่า พรรคไทยรักไทยนั้นจะสามารถยึดครองพื้นที่ดังกล่าวได้ เพราะรอบนี้สามารถที่จะดึง นายปัญญา จีนาคำ ซึ่งเดิมเป็นส.ส.ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ให้หันมาอยู่ใต้ร่มเงาไทยรักไทยได้

ส่วนในพื้นที่เขต 2 แม่ฮ่องสอนนั้น ก็เป็น ส.ส.เก่าที่พรรคไทยรักไทยสามารถดันคนของตนเองจนสามารถยึดพื้นที่ได้ นั่นคือนาย สมบูรณ์ ไพรวัลย์

สำหรับพื้นที่ เขต 1 นายปัญญา จีนาคำ ว่าที่ผู้สมัครในนามพรรคไทยรักไทย นอกจากจะได้รับแรงหนุนจาก "เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งของพื้นที่ แม่ฮ่องสอนแล้ว ยังมีฐานเสียงเดิมจากกลุ่มข้าราชการครู กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลในเขตเลือกตั้งที่ 1 ที่ให้การสนับสนุนมาตลอดทุกสมัยเลือกตั้ง

แม้จะถูกมองว่า การมาสังกัดเป็นสมาชิกของพรรคไทยรักไทยครั้งนี้ เป็นการไร้จุดยืนแต่เจ้าตัวก็ให้เหตุผลว่า ต้องการที่จะสานงานที่ค้างหลายอย่างในการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกร เพราะการที่ได้มีโอกาสอยู่ร่วมกับพรรคที่เป็นรัฐบาล น่าจะมีโอกาสมากกว่าในการสนองนโยบายให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งชาวบ้านต่างก็ต้องการให้เปลี่ยนพรรค โดยความเป็นจริงแล้วตนมาจากเสียงสนับสนุนของชาวบ้าน ก็ต้องรับฟังเสียงและความต้องการที่ชาวบ้านไว้วางใจ

"ทั้งที่คิดอยู่ตลอดเวลาว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเองบ่อยๆ จะถูกมองว่าไม่มีจุดยืน แต่ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะต้องการให้ปัญหาของชาวบ้านที่สะสมมานานได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ยิ่งขณะนี้งบประมาณจำนวนมากที่รัฐบาลอนุมัติให้แม่ฮ่องสอน จะต้องได้รับการผลักดันเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน เราเป็นตัวแทนที่ต้องทำงานตามคำสั่งของชาวบ้าน เพี่อสร้างความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีชึ้น" นายปัญญากล่าว

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้นก็ส่ง นายเสน่ห์ อุตราภิมุข ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านห้วยตอง ต.ห้วยปูลิง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็ชูความเป็นชนเผ่าเพื่อสามารถครองใจคนในพื้นที่

"ผมเป็นชาวกะเหรี่ยงได้ไปเรียนหนังสือในเชียงใหม่ เมื่อเป็นครูก็พัฒนาคุณภาพการศึกษาเยาวชน
เมื่อตัดสินใจลงสนามแล้วไม่มีถอยแน่นอน แม้ต้องเจอกับนายปัญญา จีนาคำ อดีต ส.ส.ของพรรค ที่ผมและชาวกะเหรี่ยงเคยสนับสนุน"

ด้านพรรคมหาชนก็เล็งพื้นที่แม่ฮ่องสอนไว้ว่าจะสามารถที่จะยึดได้สัก 1 เขต เพราะเป็นพื้นที่ ที่หลายพรรคการเมืองนั้นมองข้าม รวมทั้งเป็นยุทธ์ศาสตร์ในการเลือกตั้งโดยรวม ที่จะดึงเสียงจากชนเเผ่า โดยในเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2547 นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ หัวหน้าพรรคหาชน
ก็ได้จัดการประชุมเพื่อพบปะพี่น้องชนเผ่าทั่วภาคเหนือ

ทั้งนี้มีความต้องการให้ความสำคัญกับพี่น้องชนเผ่าชาวไทยอย่างเสมอภาค เพราะที่ผ่านมาบุคคลเหล่านี้นั้นถูกมองข้าม ในงานนี้พรรคมหาชนได้ประกาศปฏิญญาชนเป่าในเรื่องสิทธิมนุษยชน
การให้สัญชาติกับคนไทย รวมทั้งผลักดัน พรบ.ป่าชุมชนให้ลุล่วง

"เรามีนโยบายที่ชัดเจนต่อประชาชนทั้งประเทศรวมทั้งพี่น้องชนเผ่าชาวไทย แม้ว่าจะมีจำนวนล้านกว่าคน แต่มีความเป็นเอกลักษณ์และความต้องการที่ลึกซึ้ง หากพวกเราสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด พรรคมหาชนได้รับการเลือกตั้งอย่างแน่นอน"

โดยพรรคมหาชนจะส่ง นางกิตติกา พานอ่อง หรือครูนาย ว่าที่ผู้สมัครส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคมหาชน กล่าวว่า สำหรับตนมีนโยบายฟื้นฟูวัฒนธรรมแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีหลายของชนเผ่า เพื่อให้ทุกชนเผ่ารักและหวงแหนวัฒนธรรมดั้งเดิมที่นับวันจะเลือนหายไป โดยเฉพาะการแต่งกาย ที่ถูกกระแสสังคมกลืนไปเกือบหมด

นอกจากนี้จะผลักดันการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม และต่อเนื่องเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และที่สำคัญในฐานะที่เคยเป็นครูมาก่อน จะขอต่อสู้เพื่อสิทธิของครูในพื้นที่ทุรกันดาร เพราะสวัสดิการที่เคยได้รับกลับต้องสูญเสียไป ในขณะที่ในพื้นที่ยังไม่พัฒนา

"ส่วนความเป็นชนเผ่านั้น ถือว่าเป็นอีกส่วนที่สำคัญในการเมืองแม่ฮ่องสอน สังเกตจาก อดีต
ส.ส.จังหวัดแม่ฮ่องสอนของเราที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกระเหรี่ยง ลัวะ โดยเฉพาะกระเหรี่ยงเพราะ สัดส่วนประชากรของจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้นมีถึง 39 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตัวดิฉันนั้น มีเชื้อสายไทยใหญ่ ในการหาเสียงเราก็จะมีการ ชูประเด็นในหลายเรื่อง ทั้งความเป็นครู เป็นผู้หญิง และความเป็นชนเผ่า "

ส่วนพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 2 ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือว่าเป็นศึกสายเลือดคนเชื้อสายกะเหรี่ยงอย่างแท้จริง โดยเป็นการต่อสู้ระหว่างนายสมบูรณ์ ไพรวัลย์ ว่าที่ผู้สมัครจากพรรคไทยรักไทยซึ่งจะลงเลือกตั้งต้นปีหน้านี้ ภายใต้การสนับสนุนจาก นายบุญชู ตรีทอง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคไทยรักไทย

ส่วนคู่ต่อสู้คือ นายจีรพงศ์ พวงทอง ว่าที่ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเชื้อสายความเป็นกะเหรี่ยงอยู่เต็มตัว ซึ่งทั้งสองว่าที่ผู้สมัครนั้นได้ชูความเป็นกะเหรี่ยงเพื่อครองในคนในพื้นที่
การเลือกตั้งในพื้นที่เขต 2 นี้ นับว่าเป็นที่จับตามองเพราะอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเพราะแม้ว่านายสมบูรณ์ จะครองเก้าอี้อยู่ แต่เริ่มมีเสียงครหาจากเครือข่ายฐานคะแนนสำคัญคือ กลุ่มสมาชิก
อบจ.-อบต.ในเขตเลือกตั้ง ที่มองว่า นายสมบูรณ์ ไม่ยอมดำเนินการในหลาย ๆ เรื่องที่รับปากก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

ขณะที่ว่าที่ผู้สมัครหน้าใหม่จากพรรคประชาธิปัตย์แม้ว่าจะเป็น "คนใหม่" แต่เคยทำงานช่วยเหลือชาวไทยภูเขาบนพื้นที่สูง 3 อำเภอในเขตเลือกตั้งมาตลอด 5 ปีเต็มที่ผ่านมา ทั้งที่แม่สะเรียง แม่ลาน้อย และ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน สามารถสร้างฐานคะแนนเสียงตั้งแต่ระดับรากหญ้าขึ้นมาอย่างเป็นระบบ

ยิ่งกว่านั้นยังมีนายบุญเลิศ สว่างกุล อดีต ส.ส.แม่ฮ่องสอน หลายสมัยเข้ามาให้การช่วยเหลือ พื้นที่เขต 2 แม่ฮ่องสอน จึงเป็นอีกเขตเลือกตั้งหนึ่งที่ไม่ใช่หมูให้ไทยรักไทยนั้นได้สับ

การเมืองในพื้นที่แม่ฮ่องสอนยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด ระหว่างผู้สมัครแต่ละคน ซึ่งก็จะชูความโดดเด่นของตน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของพรรคที่ตนสังกัดอยู่ ความคิดในการพัฒนา แต่ที่สำคัญอันจะขาดไม่ได้ในการหาเสียงที่กำลังจะมาถึงนี้คือ อัตลักษณ์ ของความเป็นชนเผ่าที่มีอยู่ในสายเลือดของตน ที่จะสามารถยึดเหนี่ยวฐานคะแนนไว้ได้อย่างแนบแน่น

อนึ่ง ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกลุ่มชนเผ่าและชาติพันธุ์อาศัยอยู่หลายกลุ่ม ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูง อยู่กระจัดกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่ภาคเหนือไปจนถึงภาคตะวันตก ประมาณ 20 จังหวัด โดยมีจำนวนประชากรชนเผ่ากะเหรี่ยง จำนวน 411,670 คน เผ่าม้ง จำนวน 145,196 คน เผ่าลาหู่ จำนวน 95,917 คน เผ่าอาข่า จำนวน 65,595 คน เผ่าเมี่ยน จำนวน 43,017 คน เผ่าถิ่น จำนวน 42,782 คน เผ่าลีซู จำนวน 33,171 คน เผ่าลัวะ จำนวน 18,585 คน เผ่าขมุ จำนวน 10,540 คน และเผ่ามลาบรี จำนวน 276 คน รวมประชากรชนเผ่าในประเทศไทยทั้งหมด 866,749 คน

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท