Skip to main content
sharethis

ประชาไท-สำนักข่าว S.H.A.N รายงานว่าทหารกองกำลังสหรัฐว้า(UWSA)จากกองบัญชาการปางซางทางภาคเหนือของรัฐฉาน ติดกับชายแดนจีน ได้เคลื่อนกำลังลงมาเสริมตามฐานต่างๆ ที่อยู่ติดกับชายแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนนับพันนาย เพื่อเตรียมการต่อกรทหารพม่า ที่เกรงว่าทางพม่าอาจมีคำสั่งย้ายกองทัพสหรัฐว้าขึ้นไปยังภาคเหนือของรัฐฉาน ส่วนจำนวนของทหารว้าที่เคลื่อนมายัง อำเภอเมืองสาด ยังไม่มีรายงาน

"ทหารว้าที่เดินทางมาลงมาเสริมกำลังทางตอนใต้ในครั้งนี้มีทั้งหมด 4 พันนาย รวมทั้งมีการขนอาวุธยุทโธปกรณ์เพียบพร้อมและจะทยอยลงมา บางส่วนกำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง ซึ่งเป็นการเดินทางด้วยเท้าจากบก.ปางซาง ผ่านป่าหุบเขาลงมายัง ฐานต่างๆ ที่อยู่ภายใต้กองทัพภาค 171 ที่มีนายเหว่ยเซียะกังเป็นผู้บัญชาการ โดยมีระยะทางประมาณ 150- 250 ไมล์ ในจำนวนทหารทั้งหมดนี้ 1 ใน 4 เป็นเชื้อสายจีน" ผู้ใกล้ชิดทหารว้า กล่าว

กองทัพภาค 171 มีกำลังทหารทั้งหมด 20 กว่ากองพัน ควบคุมพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย ตั้งแต่ท่าขี้เหล็กจนถึงชายแดนติดกับรัฐคะยา ตรงข้าม จ.เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ซึ่งแต่ละกองพันมีทหารเพียง 100 นายเท่านั้น กองทัพสหรัฐว้าจึงมีคำสั่งเคลื่อนกำลังลงมาเสริมเพื่อที่จะสามารถรับมือกับทหารพม่าที่อาจมีการกระทบกระทั่งกันในอนาคต

ในเดือนธ.ค.ของปีที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันระหว่างทหารพม่ากับทหารว้ามาแล้ว 4 ครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ทั้งสองฝ่ายต่างยิงอาวุธหนักถล่มฐานที่มั่นกันนานกว่า 2 ชม. ที่บ้านน้ำยุม ห่างจากด่านชายแดน BP1 อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 8 กม. โดยทหารว้าเป็นผู้เริ่มเปิดฉากยิงปืนใหญ่เข้าใส่ฐานของทหารพม่าก่อน ทำให้ทหารพม่าในสังกัดกองพันทหารราบที่ 255 ที่ประจำการอยู่บนฐานเสียชีวิต 13 นาย

ด้านเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงของไทยใน อ.แม่สายกล่าวว่า หลังจากที่พลเอกขิ่นยุ้นต์ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ความขัดแย้งระหว่างทหารพม่ากับทหารว้าได้เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ โดยทหารพม่าได้เข้าทำการปลดอาวุธของกลุ่มอาสาสมัครลาหู่ ซึ่งภายใต้การดูแลของทหารว้า เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ทางฝ่ายทหารว้าจึงหวั่นเกรงว่า อาจถูกทหารพม่าบุกเข้าถล่ม จึงส่งกำลังทหารของตนจากภาคเหนือของรัฐฉานลงมาเสริมในพื้นที่ภาคใต้ดังกล่าว

สำนักข่าว S.H.A.N รายงานอีกว่าประชาชนชาวว้าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางภาคเหนือของรัฐฉาน ได้พากันอพยพลงมาทางตอนใต้หลายพันคนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเกรงว่าในอนาคตจะไม่มีงานให้ทำเพราะงานการปลูกฝิ่นที่ยึดเป็นอาชีพหลักมานับศตวรรษจะถูกสั่งห้ามตามนโยบายของผู้นำกองทัพสหรัฐว้าที่ได้ประกาศไว้ว่า ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.48 เป็นต้นไป ในพื้นที่ปกครองของว้าทางภาคเหนือจะเป็นเขตปลอดยาเสพติด

แม่ค้าขายของชำในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีชาวว้าอพยพมาอยู่ เล่าว่าชาวว้าที่อพยพลงมามีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ อายุตั้งแต่ 2 - 3 เดือนขึ้นไป ส่วนใหญ่พูดได้เฉพาะภาษาจีน ซึ่งหากต้องมาจับจ่ายซื้อของที่ร้านจะมีล่ามมาด้วย นอกนั้นมีรายงานอีกว่ายังมีชาวว้าอีกเป็นจำนวนมากที่จะอพยพลงมาในช่วงฤดูแล้งนี้

หนังสือ "สั่งอพยพ" ซึ่งเป็นรายงานกี่ยวกับการบังคับอพยพประชาชนชาวว้า ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2542-2544 มีประชาชนชาวว้าถูกอพยพไม่ต่ำกว่า 125,000 คน แต่ในขณะที่ทางว้าเองเปิดเผยว่า ที่อพยพลงมาก่อนหน้านั้นมีประมาณ 5 -6 หมื่นคนเท่านั้น และตั้งเป้าในการอพยพไว้ถึง1 แสนคน

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net