Skip to main content
sharethis

ท่าสับหมูย่างอันคล่องแคล่วของหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เสียดแทงหัวใจนายหัวชวนยิ่ง

รอยยิ้มอันหยามหยัน กับคำพูดที่ก้องหู " สับหมูที่ตรังไม่ยาก แต่ต้องใช้สติ" โหมให้อุณหภูมิการเมืองร้อนระอุขึ้นมาทันที

นี่คือการเหยียบถิ่นเสือใต้ของสิงห์เหนือ ที่ท้าทายเป็นที่สุด

ยิ่งกับคำกล่าวกับผู้สื่อข่าวสายทำเนียบในอีกสัปดาห์ถัดมาว่า สุดยอดของความสะใจของทักษิณ นั่นคือ ชนะเขต 1 จ.ตรัง

ประชาธิปัตย์จะยอมให้ความสะใจนี้เกิดขึ้นหรือ ?

"ไทยรักไทยต้องการได้ 1 ที่นั่งใน จ.ตรัง ก็ขอให้ระวัง 2 เขต ที่ จ.เชียงใหม่ ด้วยก็แล้วกัน" คือเสียงตอบโต้จากแกนนำประชาธิปัตย์

ศึกชิงกล่องดวงใจที่บ้านเกิดของผู้นำพรรคสำคัญ คือสีสันที่บาดตาน่าจับจ้องที่สุดของการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ 2548
////
เขต 1 ที่ตรังนั้น ประชาธิปัตย์วางตัวนายสุวรรณ กู้สุจริต ไว้ และเขาก็เชื่อมั่นว่าศักดิ์ศรีคนตรังมีมากพอที่จะสู้กับความหล่อและแรงหนุนของฝ่ายรัฐ ที่พรรคไทยรักไทยวางตัวละอ่อนกว่าที่ชื่อ นายไกรสิน โตทับเที่ยง

ส่วนภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่ กล่องดวงใจของพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของหัวหน้าพรรค และมีเจ้าแม่วังบัวบานอย่างเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ สถิตรักษาพื้นที่ไว้อย่างเหนียวแน่นนั้น ใน 10 เขตเลือกตั้งที่ผ่านมาคว้าได้มาถึง 9

แต่ 2 เขตที่คอการเมืองคาดว่าปชป.อาจเจาะทรท.เข้านั่นคือเขต 9 กับเขต 4

เขต 9 คือเขตที่แข็งแกร่งเจาะไม่เข้ามาแล้วในงวดที่ผ่านมา ยงยุทธ สุวภาพแห่งประชาธิปัตย์ คือหนามทิ่มแทงใจไทยรักไทยในพื้นที่บ้านเกิด ด้วยคะแนน 22,193 แต้ม เป็นแต้มที่ฉิวเฉียดไทยรักไทยที่ตอนนั้นส่งทวีศักดิ์ สุภาศรีทำคะแนนมาได้ 20,281 คะแนน เกือบๆ จะ 2,000 แต้มจะคว้ามาได้ในคราวนี้หรือไม่ เมื่อไทยรักไทยเปลี่ยนตัวผู้สมัครส่งจุลพงษ์ อมรวิวัฒน์ ลูกชายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์มาลุ้น

ยงยุทธยังคงมั่นใจว่าคะแนนความนิยมในตัวเขายังคงสูง แม้ต้องสู้กับอำนาจเงินและอำนาจรัฐ แต่เขาบอกว่าเงินซื้อได้แต่ซื้อไม่หมด ขณะที่จุลพงษ์บอกว่า 4 ปีจากนี้เขต 9 ควรได้รับการพัฒนาทัดเทียมกันที่อื่นโดยมีส.ส.พรรคไทยรักไทยไปประสานงานได้แล้ว

ส่วนเขต 4 ความเร้าใจเกิดขึ้นทันทีเมื่อปรากฏชื่อ กิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ขึ้นมาในนามประชาธิปัตย์ ความร้อนรุ่มในสนามอบจ. จากที่ไทยรักไทยเคยสนับสนุนธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่ให้ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกอบจ.เชียงใหม่ แต่สุดท้ายก็ต้องแตกหักเมื่อสัญญาใจผันแปรไปคือปัจจัยสำคัญของคะแนนเขตนี้เป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นจุดที่ต่างฝ่ายต่างได้ใช้ในการหาเสียงอีกต่างหาก บ้านเก่าที่คุ้นเคยเขต 4 ของกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ ครั้งที่ผ่านมาทำได้ 21,720 ห่างจากวิทยา ทรงคำ จากไทยรักไทยที่ได้ไป 27,900 คะแนน แต่ครั้งนี้ เจ๊แดงแรงฤทธิ์ ชนิดที่ว่า ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทยต้องลงพื้นที่ไปช่วยวิทยาหาเสียง ไม่ธรรมดาและหากไม่ระวังให้ดีมีสิทธิ์พลาดพลั้งถูกควักไปให้ช้ำอีก 1 เขตเช่นกัน

แต่ยังมีอีกหลายเขต ที่หากไม่ระวังให้ดีมีสิทธิ์ถูกปาด

เขต 1 ไทยรักไทยเสนอปกรณ์ บูรณุปกรณ์ ผู้ซึ่งคว้ามา 33,605 คะแนนในปี 44 ล้มสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุลที่ได้คะแนนถึง 25,686 แต่ยังไม่พอจะถึงฝันได้ แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ยังไม่มีชื่อของสุรพงษ์ ปรากฏอยู่ในโผของปชป.ที่ประกาศมาครั้งแรก แต่กลับเป็น เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ บุตรสาวของธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่แทน เป็นเดือนเต็มดวงคนเดียวกันกับที่เคยลงในเขต 3 พรรคความหวังใหม่เมื่อครั้งที่แล้วคว้ามาได้ 14,920 คะแนน

แม้รู้เต็มอกว่าฐานชุมชนของเขต 1 ของปกรณ์ค่อนข้างปึ๊ก แต่ปชป.ไม่ละความพยายาม การขึ้นป้ายประจันหน้าระหว่างปกรณ์และเดือนเต็มดวง บอกชัดว่าชนเต็มที่ และป้ายก็ออกมาดูดีดึงกลุ่มเป้าหมายชนชั้นกลางใช้ได้ พ่วงกับการลงพื้นที่สม่ำเสมอ ได้หล่อใหญ่อย่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมาช่วยเดินตลาด แถมพ่อของตัว นายธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่ หรือเจ้าหนุ่ย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงใหม่ ใช้ประสบการณ์ ส.ส.5 สมัยมาช่วยหาเสียงให้ลูกสาวเต็มที่

"เขตเทศบาลนครเชียงใหม่ผมยอมรับว่าหนักใจ เพราะนายปกรณ์เคยเป็นนายกเทศมนตรี นายบุญเลิศ ชายก็เป็นนายกเทศมนตรีคนปัจจุบัน โอกาสเจาะฐานเสียงยาก แต่จะไม่ยอมแพ้ จะให้ลูกสาวลงพื้นที่ต่อเนื่อง"

ขณะที่นายปกรณ์ก็บอกว่าไม่รู้สึกหนักใจเพราะทำงานมา 4 ปี ชาวบ้านชอบนโยบายพรรคเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคไทยรักไทย กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แต่ก็ไม่ประมาทคู่แข่ง

เขต 5 พื้นที่อำเภอสันกำแพงบ้านเกิดหัวหน้าพรรค ที่พรชัย อรรถปรียงกูรแห่งทรท.เคยทำได้สูงถึง 39,521 คะแนน แต่ดาราดังผู้เป็นหนึ่งในทีมบริหารของพรรคประชาธิปัตย์อย่างพงศ์ประยูร ราชอาภัย ก็เคยทำได้ 26,911 คะแนน โดยครั้งนั้นตัวแปรสำคัญคือธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่แห่งพรรคความหวังใหม่ 22,274 คะแนน ครั้งนี้ปชป.ประกาศจะกลับมาล้างแค้นเจาะไข่แดงให้สำเร็จด้วยผู้สมัครคนเดิม

นอกจากปชป.แล้วต้องไม่ลืมว่ามหาชนก็พยายามลุ้นที่นั่งในเชียงใหม่ไม่น้อย บางโพลคาดว่า

เขต 7 สุรพล เกียรติไชยากร จากไทยรักไทยที่เคยทำได้ 45,289 แต้ม จะเจอกับณรงค์ ภูอิทธิวงศ์ที่คราวนี้สวมเสื้อมหาชน และเคยทำได้ 22,286 คะแนนเมื่ออยู่ในนามชาติพัฒนาปีที่แล้ว

ขณะที่เขต 8 ปลัดเจี๊ยบ ศุภชัย นิมมานเหมินท์ จากฟากประชาธิปัตย์ ผู้ที่ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ หมายมั่นปั้นมือ และเป็นคนในพื้นที่อยู่แล้ว อาจเข้าตาและเป็นก้างสำคัญสำหรับแชมป์เก่าอย่างผณินทรา ภัคเกษม ขณะที่มหาชนที่ส่ง นพร ตันติมนตรี หลายชายอำนวย ยศสุข โพลก็ว่ามาแรงอาจแซงทางโค้งได้

ทักษิณ ชินวัตร แม้จะเชื่อมั่นในพื้นที่เชียงใหม่เอามากๆ เขาบอกว่า "คนเชียงใหม่ไม่เลือกใครหรอก เขาเลือกนายกอยู่แล้ว"

แต่เสียงที่เคยประกาศยืนยันว่า ว่าที่ผู้สมัคร 10 เขตจะไม่เปลี่ยนตัวนั้นก็แผ่วลง ทักษิณบอกด้วยซ้ำว่าจะดูประชาชนเป็นหลัก การเปลี่ยนแปลงเป็นของธรรมดา และกับป้ายยักษ์ที่โชว์ 10 ว่าที่ผู้สมัครของเชียงใหม่ได้ถูกปลดลง ทั้งที่ขึ้นได้ไม่กี่วันก็เป็นภาพสะท้อนที่น่าจับตา เกมของพรรคไทยรักไทยอาจปรับเปลี่ยนเพื่อไม่ให้โดน "ปาด"

หมูจะโดนสับ หรือไส้อั่วจะโดนปาด คอการเมืองต้องไม่พลาดของอร่อย !!

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net