ประชาไท-24 ธ.ค.47 นายวินัย สะมะอุน รองประธานคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทยกล่าวถึงการจับ 4 อุซตาสโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จ.นราธิวาส รวมทั้งการประกาศของนายกรัฐมนตรีว่าจะมีการจับเพิ่มเติมว่า ความรู้สึกโดยทั่วไปของชาวมุสลิม ยังไม่เชื่อในข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยหลักฐานที่เจ้าหน้าที่อ้างสลิปเงินบริจาคจากต่างประเทศเพื่อสนับการแบ่งแยกดินแดนนั้นยังไม่เพียงพอ เพราะเงินบริจาคจากต่างประเทศเป็นเรื่องปกติในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งจากตะวันออกลาง ญี่ปุ่น อเมริกา

"สิ่งที่กระทบกับความรู้สึกคนก็คือ การจับคนแล้วเอาสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะอุซตาสเป็นสถาบันที่ชาวบ้านให้ความเคารพ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้สถาบันมาตอกย้ำความรู้สึก และเจ้าหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ ที่สำคัญ อย่าเอาความผิดของปัจเจกบุคคลไปเหมารวมมุสลิมทั้งประเทศ" นายวินัยกล่าว

นายนิติ ฮาซัน ประธานสภามุสลิมแห่งประเทศไทยกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าพบเอกสารการแบ่งแยกดินแดนจากบ้านโต๊ะครูที่จับมานั้น เป็นการด่วนสรุปทั้งที่ยังไม่ทราบว่าเอกสารภาษาอาหรับดังกล่าวมีใจความเช่นไร เป็นเอกสารการแบ่งแยกดินแดนจริงหรือไม่ ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ และจะยิ่งเป็นการจุดชนวนความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

ด้านนายมิตร ดาราฉาย อาจารย์วิทยาลัยอิสลามแห่งประเทศไทยกล่าวว่า คำว่า อุสตาส มาจากภาษาอาหรับ แปลว่า ศาตราจารย์ ไม่ได้แปลว่าครูที่สอนในปอเนาะ ภาพที่เห็นการจับอุสตาส ตามสื่อตามหนังสือพิมพ์หรือทีวีเหมือนไม่ใช่อุสตาส คนทางใต้จะมีความเคร่งมากกว่าคนกรุงเทพฯ การจับอุสตาสมาในชุดกางเกงขาสั้น ใส่กางเกงยีนส์นั้นไม่ใช่อุสตาส

"คำถามที่อยู่ในใจคนมุสลิมคือ เจ้าหน้าที่จับใครมา เพราะแค่ดูก็รู้ว่าใครใช่หรือไม่ใช่" นายมิตรกล่าว

นายมิตรกล่าวต่อว่า ส่วนการปิดโรงเรียนเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด เวลาครูเห็นโรงเรียน หรือหนังสือสักเล่มถูกเผาก็ความรู้สึกไม่ดีแล้ว แต่การปิดโรงเรียนยิ่งทำให้การศึกษาของเด็กต้องลดลงไป แทนที่เขาจะได้เรียนเต็มที่กลับไม่ได้เรียน

"สิ่งที่เรากลัวมากที่สุดคือมือที่สาม ที่ไม่รู้ว่าเป็นคนในประเทศหรือคนต่างประเทศ เมื่อไม่รู้ว่าเป็นใครจึงเป็นการสู้กับเงามืด ซึ่งเป็นตัวปัญหาทำให้ทะเลาะกันเอง" นายมิตรกล่าว

ศิริรัตน์ อนันต์รัตน์
ประชาไทรายงาน