ภาพ "นับร่าง" (Body count) จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.อ.ตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา ออกสู่สายตาชาวโลกอีกครั้ง เมื่อนิตยสารไทมส์ ฉบับวันที่ 20 ธันวาคม 2547 จัดให้เป็น "ภาพยอดเยี่ยมแห่งปี" (THE BEST PICTURE OF THE YEAR) เทียบเท่าภาพเหตุการณ์ในสถานการณ์สงครามในประเทศอิรัก
นัยของข้อเท็จจริงที่แสดงผ่านภาพและคำอธิบายอย่างรวบรัด "ทหารไทยคุมตัวชาวไทยมุสลิมนับร้อยหลังการสลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจในภาคใต้ของประเทศไทย ผลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 80 คน ระหว่างการขนย้ายโดยรถบรรทุกสู่ค่ายทหาร เหตุการณ์ความวุ่นวายซึ่งถูกจุดโดยกองกำลังของมุสลิม(Islamic Militants) ทำให้ในปีนี้มีผู้เสียชีวิตในพื้นที่ภาคใต้ไม่น้อยกว่า 500 คน" เกิดขึ้นในห้วงเวลาเดียวกันกับที่รัฐบาลมีคำสั่งห้ามเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ตากใบ โดยอ้างเหตุผลทางด้านความมั่นคง
ทั้งยังเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่แรงเหวี่ยง(Momentum) จากคำกล่าวของนายกฯ ทักษิณ ว่า มีการใช้พื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้านฝึกรบเพื่อกลับมาก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สะท้อนไปมาเป็นวิวาทะระหว่างรัฐบาลมาเลเซีย และอินโดนีเซียกับรัฐบาลไทย จนถึงวันนี้
อันที่จริงรัฐบาลน่าจะสะดวกใจที่จะแถลงผลการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณี "ตากใบ" ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา หากไม่มีเหตุการณ์ระดับประเทศข้างต้นทับซ้อนเข้ามา เพราะสาธารณะเองก็ได้รับทราบความคืบหน้าของคณะกรรมการฯ ตากใบ ชุด คุณพิเชต สุนทรพิพิธ มาเป็นระยะๆ
อีกทั้งบทสรุปของกรรมการฯ แทบไม่มีความแตกต่างจากสมมติฐานแรกของรัฐบาลทักษิณคือ การเสียชีวิตของผู้ชุมนุมทั้ง 78 ศพ ระหว่างขนย้ายเป็นการกระทำโดยประมาท ไม่ได้จงใจฆ่าแต่อย่างใด
โดยกรรมการฯ ตัดประเด็นสำคัญอื่นๆ อาทิ คำสั่งสลายการชุมนุมขณะที่มีการเตรียมไปประกันตัวชรบ.ชนวนการชุมนุม, ผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต จากกระสุนปริศนา? นับสิบราย พยานผู้ถูกคลุมถุงดำ สภาพศพผู้เสียชีวิตที่แพทย์และญาติยืนยันว่า ช้ำน่วมและมีจำนวนมากที่คอหักหมุนได้รอบ ฯลฯ
บทสรุปซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำเมื่อวานนี้(22 ธ.ค.) มีเพียงประเด็นเดียวคือ "จะต้องมีการตั้งคณ ะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระดับผู้บังคับบัญชา โดยจะพิจารณาจากลำดับชั้นความผิด เพราะถือว่าปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ยังไม่เสร็จสิ้นแต่ปล่อยให้ผู้ใช้บังคับบัญชาที่ขาดความชำนาญ และไม่มีวิจารณญาณเพียงพอปฏิบัติหน้าที่" (ประชาไท 22 ธ.ค.47)
แม้ว่า ในวันศุกร์นี้กรรมการตรวจสอบฯ จะเข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อให้รายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็มีการออกตัวมาก่อนนี้แล้วว่า รายงานที่ออกมาคงเป็นเฉพาะส่วน" บทสรุป" เท่านั้น ประเด็นอื่นๆที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนคงไม่สามารถให้ข้อมูลได้
จริงหรือไม่ว่า ข้อสรุปตามแนวทางที่รัฐบาลได้แถลง โดยเลือกที่จะเปิด" ข้อเท็จจริง" เพียงบางส่วน จะช่วยลดความร้อนแรงของวิกฤตไฟใต้ ทำให้รัฐบาลดูดีในสายตาชาวโลก รวมทั้งทำให้เสริมความมั่นใจในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้
หรือจะกลายเป็นแรงเหวี่ยงส่งให้สถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ที่รัฐพยายามควบคุมในขณะนี้ รุนแรงถึงขั้นควบคุมไม่ได้ในอนาคตอันใกล้ไปอีก