Skip to main content
sharethis

เยี่ยมญาติผ่านจอ
เทคโนโลยีใหม่เติมใจให้คนคุก

เทคโนโลยีใหม่ๆ ถ้าใช้ให้ถูกทางย่อมก่อให้เกิดประโยชน์
อย่างเช่นระบบอินเตอร์เน็ตออนไลน์ ที่เข้ามาอยู่ในชีวิตของคนทั่วโลกขณะนี้ ที่ผ่านมาซึ่งปรากฏเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ อาจเป็นภาพลบมากกว่าบวก ทั้งเรื่องเว็บโป๊ การติดเกมออนไลน์ของเยาวชนอย่างอมแงม หรือตั้งกระทูร้อนฉ่าด่าผู้คนสาธารณะอย่างชนิดจับมือใครดมไม่ได้

แต่ในวันที่ "พลเมืองเหนือ" ได้เข้าเยี่ยมชมเรือนจำกลางเชียงใหม่เมื่อวันก่อน พบเห็นการนำเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตออนไลน์มาใช้งานอย่างสร้างสรรค์ นั่นคือการให้"เยี่ยมผู้ต้องขังผ่านทางจอภาพ" เลยอยากนำมาบอกเล่าแง่มุมดีดีนี้ให้คนในสังคมได้รับทราบ

วันนั้นเป็นวันพบญาติประจำปี 2547 แต่ละปีกรมราชทัณฑ์จะจัดให้มีวันพบญาติครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นวันที่ทั้งผู้ต้องขังและญาติพี่น้องรอคอยที่จะได้พบปะกันสัมผัส ปลอบประโลมและให้กำลังใจกันอย่างใกล้ชิด ไม่มีกระจกหรือลูกกรงมากีดคั่น

เช้าตรู่วันที่ 22 พ.ย.2547 ซึ่งเป็นวันแรก เรือนจำกลางเชียงใหม่หน้าศาลากลางจึงคึกคักเป็นพิเศษ ญาติๆ ผู้ต้องขังจัดเตรียมของฝาก อาหารพิเศษสุดที่จะตระเตรียมมาได้ ลูกเด็กเล็กแดง ผู้เฒ่าผู้แก่มากมายรอเวลาที่จะประกาศชื่อให้เข้าพบ

ปีนี้ผู้ต้องขังที่ที่มีความประพฤติดี อยู่ในระเบียบวินัยของเรือนจำ จำนวน 2,343 คน จาก 3,600 คน ที่ได้รับสิทธิ์นี้ โดยผู้ต้องขัง 1 คนสามารถมีญาติเข้าพบได้ 10 คน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเยี่ยมญาติครั้งนี้รวมไม่ต่ำกว่า 20,000 คน เริ่มตั้งแต่วันที่ 22-26 พ.ย. และวันที่ 29 พ.ย.-3 ธ.ค. รวม 10 วัน วันละ 2 รอบ ๆ ละ 2 ชั่วโมง บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบร้อย ผู้ต้องขังและญาติไต่ถามทุกข์สุขกันอย่างใกล้ชิด บ้างก็ร้องไห้ปลอบโยน บ้างรับประทานอาหารร่วมกัน และก็มีบ้างที่อาหารชั้นดีที่เตรียมไปนั้นแทบไม่ได้แตะต้องเพราะความรู้สึกภายในอันมีโอกาสได้พรั่งพรูมานั้นไม่สามารถทำให้กลืนกินอะไรไปได้
"การจัดงานวันพบญาติใกล้ชิดนี้เพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ผู้ต้องขับรวมทั้งยังผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความกดดันของผู้ต้องขัง และยังมีผลดีต่อสภาพจิตใจและเป็นกำลังใจ เป็นเครื่องมือจูงใจให้ผู้ต้องขังประพฤติตนเป็นคนดีของสังคมภายหลังจากพ้นโทษด้วย ส่วนผู้ต้องขังที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในวันนี้ ราชทัณฑ์และหน่วยงานมูลนิธิหลายหน่วยงานก็ได้ร่วมกันดูแลจิตใจคนกลุ่มนี้ต่อไป"คุณศิริวัฒน์ สายรัตน์อินทร์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางประจำเขต 5 บอก

นอกจากจะเป็นวันพบญาติใกล้ชิดแล้ว เรือนจำกลางเชียงใหม่ยังได้เปิดให้บริการระบบการเยี่ยมญาติแบบทางไกลผ่านจอภาพระหว่างเรือนจำกลางเชียงใหม่ กับเรือนจำกลางบางขวางด้วยระบบอินเตอร์เน็ตออนไลน์

เราเดินผ่านพื้นที่เยี่ยมญาติไปจนถึงส่วนในที่มีห้องกั้นเป็นส่วนพิเศษ มีจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ที่นั่งญาติผู้ต้องขัง 2 คนกำลังรอการเซ็ทระบบอย่างจดจ่อ ภาพผู้คุมจากเรือนจำบางขวางปรากฏอยู่ที่หน้าจอแล้ว และไม่นาน ผู้ต้องขังที่ญาติรอคอยก็มานั่งที่เก้าอี้ตรงหน้า ทั้งญาติที่อยู่ทางนี้และผู้ต้องขังที่อยู่ในจอภาพเก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ ตระโกนสอบถามสารทุกข์สุขดิบกันปากคอสั่น ทำเอาเราและผู้สื่อข่าวที่อยู่บริเวณนั้นสลดใจไปกับชะตากรรมไม่ได้ ยังดีที่ระบบเทคโนโลยีแบบนี้ถูกนำมาใช้ ให้พวกเขาได้คลายความคิดถึงกันได้บ้าง

หากยังไม่มีระบบการเยี่ยมผ่านทางจอภาพเช่นนี้ ครอบครัวญาติผู้ต้องขังซึ่งต้องโทษหนักมากกว่า 30 ปี และถูกส่งตัวให้ไปจองจำที่บางขวาง จะต้องเดินทางจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพ ลำบากทั้งการเดินทาง การหาที่พัก การไม่รู้จักที่ทางในกรุงเทพ แต่ก็ต้องไปเพื่อที่จะได้เห็นหน้าและเป็นกำลังใจให้คนที่เขารักแม้จะทำความผิดพลาดไปก็ตาม ซึ่งทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูงมาก แต่กับการเยี่ยมผ่านจอภาพเช่นนี้ มีค่าใช้จ่ายเพียงนาทีละ 8 บาท ตามอัตราค่าโทรศัพท์ขององค์การโทรศัพท์เท่านั้น

"เราเริ่มทดสอบระบบมาแล้ว และได้รับความสนใจจากญาติผู้ต้องขังมาก เนื่องจากผู้ต้องขังใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ที่ต้องโทษร้ายแรงโทษสูงเช่นจำคุกเกิน 30 ปีขึ้นไป จะถูกส่งตัวไปคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร และการเดินทางไปเยี่ยมจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงทั้งค่าเดินทาง ค่าที่พัก แต่การเยี่ยมผ่านอินเตอร์เน็ตออนไลน์ จะเสียค่าใช้จ่ายเพียงค่าโทรศัพท์นาทีละ 8 บาท แก่องค์การโทรศัพท์ ซึ่งเฉลี่ยจากการทดสอบระบบแล้ว ญาติผู้ต้องขังเสียค่าใช้จ่ายเพียงรายละ 150 บาท/ครั้งเท่านั้น ถือเป็นการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในงานราชทัณฑ์เพื่อการบริการประชาชนได้เป็นอย่างดี"คุณศิริวัฒน์กล่าว

ซึ่งขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้กำลังจะวางระบบให้ 6 เรือนจำทั่วประเทศสามารถใช้ระบบเยี่ยมญาติผ่านจอภาพนี้ได้เร็วๆ นี้คือ กรมราชทัณฑ์เป็นศูนย์กลาง เรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำกลางเชียงใหม่ เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพ เรือนจำกลางคลองเปรม และทัณฑสถานหญิงกลางกรุงเทพ รวมทั้งยังจะมีโครงการให้ญาติผู้ต้องขังชาวต่างชาติ สามารถเยี่ยมผ่านระบบทางไกลนี้ได้ในอนาคตด้วย เพราะในการเปิดงานวันเยี่ยมญาติแต่ละครั้งก็มีญาติผู้ต้องขังชาวต่างชาติเดินทางมาจากต่างประเทศเช่นเยอรมัน ขอพบญาติด้วยตัวเอง ซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก

เรือนจำกลางเชียงใหม่ยังได้นำระบบสมาร์ท การ์ดมาใช้เพื่อความสะดวกในการซื้อสินค้าให้แก่ผู้ต้องขังด้วย เพื่อให้เกิดความถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรมในการซื้อสินค้า โดยสินค้าในเรือนจำจะมีบาร์โค้ด และผู้ต้องขังจะมีสมาร์ด การ์ด เมื่อต้องการซื้อสินค้าใดที่กำหนดให้ใช้จ่ายคนละไม่เกิน 200 บาท /คน /วัน ก็ให้จดรายการสินค้าที่ต้องการและกดปุ่มรายการใช้สมาร์ดการ์ดรูดเงิน ก็จะได้สินค้าไปและเงินก็จะลบออกจากบัญชีโดยอัตโนมัติ และตรวจสอบการใช้เงินแต่ละวันรวมทั้งการโอนเงินเข้าของญาติที่ฝากเพิ่มเติมในแต่ละครั้งได้ด้วยเหมือนกับการฝากถอนของระบบธนาคารหรือการซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้า

เทคโนโลยีที่นำมาใช้งานในทางสร้างสรรค์เช่นนี้ พลเมืองเหนือขอชื่นชม.

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net