ประชาไท-16 พ.ย. 47 "คนที่โพสต์ในอินเตอร์เน็ท คนที่ส่ง sms ตามรายการในโทรทัศน์ อาจจะไม่ใช่ตัวแทนของคนส่วนใหญ่ของคนในสังคมก็ได้" นายใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "เหลียวหลัง แลใต้ : รู้ทันทักษิณ รู้ทันไฟใต้" ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงกรณีการแสดงความคิดเห็นของผู้คนในสังคม ต่อปัญหาภาคใต้
นายใจกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อมีกระแสความแตกแยกในสังคมขึ้นมา ก็ควรมีการจัดเวทีสาธารณะให้ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับรัฐมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เป็นการสร้างกระบวนการสังคม โดยเกิดขึ้นจากตัวแทนทางสังคม ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ
นอกจากนี้นายใจยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เหตุใดสื่อมวลชนไทยจึงไม่เผยแพร่ภาพเหตุการณ์ความรุนแรงให้รอบด้าน โดยเฉพาะภาพเหตุการณ์ของสื่อมวลชนต่างประเทศที่กรรมาธิการต่างๆ ของวุฒิสภาได้มา เพื่อตรวจสอบคำกล่าวอ้างของรัฐที่ระบุว่าจัดการสลายความชุมนุมด้วยความละมุนละม่อม และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวว่า ปัญหาความแตกแยกเกิดขึ้นจากรัฐและสื่อมวลชน เพราะเมื่อเกิดกรณีความรุนแรงที่ตากใบในช่วงแรกของเหตุการณ์ สื่อก็รายงานเพียงแง่มุมของรัฐ ยผู้คนในสังคมก็เลือกที่จะเชื่อข้อมูลของฝ่ายรัฐก่อน โดยเฉพาะเมื่อสื่อใช้ภาษาว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นโจรภาคใต้ เป็นมุสลิมที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน เป็นโจรก่อการร้าย ผู้คนในสังคมก็จะเข้าใจเหมารวมไปว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเป็นโจรแบ่งแยกดินแดน จึงก่อให้เกิดกระแสแบ่งแยกความเป็นเขาเป็นเราในสังคม
"แท้จริงแล้วผู้ที่มาชุมนุมเขามีสิทธิมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องทางการเมือง แต่ในขณะนี้ผู้คนในสังคมก็ตัดสินกรณีนี้ไปแล้ว โดยไม่ให้ความยุติธรรมแก่ผู้ที่เสียชีวิตเลยแม้แต่น้อย" ดร.เจิมศักดิ์กล่าว
สันติชัย อาภรณ์ศรี
ประชาไทรายงาน