Skip to main content
sharethis

ธงชัย ปิยะสาธุกิจ.....ตัวเล็ก หัวใจแกร่ง
ผลิตหน้ากากอนามัยมาตรฐานโลก

สภาพร่างกายที่ดูผิดแปลกแตกต่างจากคนอื่น ๆ ของ "ธงชัย ปิยะสาธุกิจ" ไม่ได้ทำให้ผู้ชายร่างเล็กที่มีเชื้อสายจีนแคระคนนี้คิดย่อท้อต่อชีวิตแม้สักครั้ง และแม้ปัจจุบันขาทั้ง 2 ข้างของเขาจะเดินไม่ได้ ที่ดูแล้วประหนึ่งเป็นปมด้อยในสายตาของคนทั่วไป ตรงกันข้ามเขากลับสามารถก่อร่างสร้างฐานธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมผลิตหน้ากากอนามัย อุปกรณ์สำหรับป้องกันฝุ่นละออง สารเคมี สารพิษต่าง ๆ ที่มีกำลังการผลิตมากถึง 100 ล้านชิ้นต่อปี นับเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่มีร่างกายผิดปกติจากคนธรรมดาทั่วไป

ปมด้อย.. "ตัวเล็ก"
แต่ไม่หมดแรงใจ

ธงชัย ผูกพันกับเชียงใหม่ตั้งแต่อายุได้เพียง 12 ปี หลังจากพอ่และแม่ส่งตัวเขามาเรียนภาษาจีนที่กองพล 93 อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เรียนได้ 3 ปีก็พูดอ่านเขียนจนคล่องเพราะมีพื้นฐานอยู่แล้ว จากนั้นกลับบ้านที่กรุงเทพฯ เพื่อเรียนต่อ จึงทำให้เขาเรียนช้ากว่าเพื่อนในรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาจบชั้น ป.7 อายุ 17 ปี แต่ก็บากบั่นกระทั่งเรียนจบชั้น มศ.3 ในที่สุด แม้ความสามารพิเศษของเขาคือฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาจีนได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เขาสามารถเข้าไปนั่งทำงานกินเงินเดือนประจำเหมือนเช่นคนอื่น ๆ ได้ เพราะแม้แต่โอกาสที่จะได้สัมภาษณ์งานเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง เพียงแค่ทุกคนเห็นสภาพร่างกายของเขา กลับไล่เขาออกจากบริษัทอย่างไม่ไยดี ทั้งยังถูกซ้ำเติมว่ารูปร่างหน้าตาแบบนี้จะทำอะไรได้ คำพูดแทงใจดำคำนั้น ทำให้เขาน้ำตาร่วงเดินคอตกออกไป และใช้เวลาอยู่กับตัวเองนานเป็นวัน ๆ ก่อนจะได้บทสรุปว่าหากท้อแท้เพราะคำพูดคน ชีวิตก็คงหยุดอยู่แค่นี้ เพราะชีวิตของเขายังต้องก้าวเดินต่อไปอีกไกล

ก้าวสู่ธุรกิจอาหารกระป๋อง

หลังจากญาติผู้พี่ชักชวนให้มาช่วยทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารกระป๋องที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโรงงานผลิตสินค้าประเภทลำไยอบแห้ง ลิ้นจี่กระป๋อง และผักผลไม้อบแห้งต่าง ๆ ได้ค่าจ้างเพียงเดือนละ 2,500 บาท ซึ่งที่นี่เขาได้พิสูจน์ความสามารถที่เด่นชัดอีกครั้ง โดยสามารถขายสินค้าในแวร์เฮ้าส์ของโรงงานได้จนหมดเกลี้ยง ทำเงินเข้าโรงงาน 5 - 6 ล้านบาท

นี่คือจุดเริ่มต้นของการสั่งสมประสบการณ์ก้าวแรกในไลน์อุตสาหกรรมอาหารในระยะเวลาร่วม 14 เดือน จากนั้นจึงตัดสินใจออกมาตั้งโรงงานผลิตเครื่องปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชื่อบริษัท "Can Ho" สินค้าทั้งหมดที่ผลิตออกมาจะป้อนให้กับโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกือบทุกยี่ห้อที่รับซื้อ จากนั้นแตกไลน์ไปทำโรงงานผลิตลิ้นจี่กระป๋อง ลำไยอบแห้ง และพืชผักอบแห้งทุกชนิด ในเขตอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ชื่อโรงงาน "คิงส์ฟู้ดส์" ซึ่งปัจจุบันโรงงานนี้ก็ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ เส้นทางธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมอาหารของเขายาวนานถึง 17 ปี ในฐานะเจ้าของกิจการ แต่เขาก็ยังต้องการค้นหาเส้นทางธุรกิจด้านอื่นที่แตกต่างและเป็นประโยชน์ต่อบุคคลทั่วไปต่อไปอีก

ผลิตหน้ากากอนามัย
เป็นประโยชน์ถึงทำ

แม้ธงชัยจะไม่มีความรู้เรื่องการผลิตหน้ากากอนามัยมาก่อนเลยในชีวิต แต่เมื่อเพื่อนชาวไต้หวันชวนมาหุ้นลงทุนตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยในปี 2540 เขาตัดสินใจตอบตกลงทันที ด้วยเหตุผลเดียวที่มากกว่าผลตอบแทนที่จะได้รับก็คือ เป็นการผลิตสินค้าที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของคน เป็นการลงทุนในช่วงของภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจของประเทศพอดิบพอดี แต่เขาคิดแค่ว่าไม่มีเวลาที่จะรออะไรอีกแล้ว เพราะอาจจะเสียเวลาเปล่า ๆ กิจการภายใต้ชื่อ "ท็อป โฮลซัม เอ็นเตอร์ไพรส์" จึงเริ่มเปิดเดินเครื่องในปี 2541 จนถึงปัจจุบัน
เขาบอกว่า จริง ๆ แล้วผู้บริโภคในเมืองไทยมีความรู้เกี่ยวกับหน้ากากอนามัยน้อยมากไม่ถึง 1% เป็น 1% ที่พบในผู้ที่มีการศึกษาดีมีความรู้ ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจวิธีการใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง คน ทั่ว ๆ ไปในปัจจุบันยังใช้ผิด ๆ ถูก ๆ กันอยู่ โดยไม่คำนึงถึงสุขอนามัยมาเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะขณะนี้ในเมืองไทยมีโรงงานที่ผลิตหน้ากากอนามัยเกิดขึ้นจำนวนมาก เพียงมีเครื่องจักรหนึ่งตัวอยู่ในตึกแถวก็ผลิตออกมาขายได้แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายมาก มีคำถามมากมายว่าทำไมต้องใช้หน้ากากอนามัย บางคนคิดว่าใส่เฉพาะเวลามีกลิ่นหรือมีควัน ในข้อเท็จจริงต้องขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งานว่าเราทำงานอะไรก็ต้องใช้ให้ถูกประเภทด้วย สิ่งที่ป้องกันชีวิตคนเราที่ถูกจุดที่สุดและใกล้ชิดชีวิตคนเราที่สุดก็คือลมหายใจ เรานำสิ่งของที่ไม่ถูกสุขอนามัยมาปิดตรงลมหายใจกับปากของเรา ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่อาจมีเชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายเราได้ ทำไมเราไม่ใช้สิ่งที่มีคุณภาพ
"ผมชอบคิดทำแต่สิ่งดี ๆ ก็เลยคิดว่าอะไรดีที่ควรจะทำก็น่าจะทำ ที่ทำธุรกิจประเภทนี้ไม่ใช่เพราะอยากทำ แต่เห็นว่ามีประโยชน์ถึงทำ ไม่ใช่เห็นว่าได้สตางค์ดีอย่างเดียว มันมีประโยชน์ผมถึงทำ เหมือนกับที่ผมทำอาหารกระป๋อง ผมเห็นว่ามีประโยชน์ต่อเกษตรกร ส่งเสริมเกษตรกรเป็นหลายหมื่นไร่ ให้คนมีรายได้ เช่นเดียวกับการทำหน้ากากอนามัย ก็ต้องทำให้ดีที่สุดมีคุณภาพที่สุด"

แบรนด์ "PROTECT" มาตรฐานระดับโลก

ปัจจุบันหุ้นส่วนในท็อป โฮลซัม เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นทุนไทย 100 % ผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้อนามัยตั้งแต่หัวจรดเท้าที่ทำจากใยสังเคราห์ มีกำลังผลิตต่อเดือนประมาณ 100 ล้านชิ้น ส่งออกต่างประเทศ 60 % อาทิ ยุโรป อเมริกา ออสเตรเลียญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเลเซีย และตะวันออกกลาง ส่วน 40 % เป็นตลาดในประเทศ ซึ่งธงชัยมองธุรกิจนี้ว่า มีช่องทางเติบโตได้อีกมาก เพราะเป็นสินค้าในกลุ่มประเภทใช้แล้วทิ้ง หลายวงการจำเป็นต้องใช้สินค้าประเภทนี้และเชื่อถือในคุณภาพสินค้าของบริษัท ทั้งในวงการธุรกิจการแพทย์ วงการอุตสาหกรรม เกษตรกรรม ธุรกิจการให้บริการเช่น สปา การค้าขายทั่วไป และบุคคลทั่วไป การทำธุรกิจของเขาอาจดูแตกต่างกว่าคนอื่น ๆ คือไม่คิดแข่งกับใคร แต่จะแข่งขันกับตัวเองคือสร้างคุณภาพมาตรฐาน ความสะอาด ซึ่งเขายืนยันว่าธุรกิจรายใหญ่ รายกลางหรือรายเล็กที่ผลิตสินค้าเช่นเดียวกับเขา แทบไม่ได้คำนึงถึงเรื่องมาตรฐานและอนามัย และไม่ให้ความสำคัญในเรื่องการมีใบรับรองคุณภาพสินค้าหรือแหล่งกำเนิดสินค้า ซึ่งเขาเห็นว่าจำเป็นมากที่สุดในธุรกิจประเภทนี้

ปัจจุบันสินค้าทุกประเภทที่ผลิตออกมาของท็อป โฮลซัม ภายใต้แบรนด์ "PROTECT" ได้รับใบรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประมาณ 5 - 6 ใบ โดยเฉพาะต่างประเทศนั้น ได้รับใบรับรองมาตรฐานสินค้าจาก FDA ของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นหน่วยงานที่คล้าย ๆ กับ อย.ของไทย ซึ่งทั่วโลกขณะนี้มีกิจการที่ได้รับไม่เกิน 35 ใบ แม้ต้องใช้เวลา และใช้จำนวนเงินมหาศาล ก็จำเป็นต้องทำ ซึ่งในไลน์ผลิตทุกขั้นตอนนั้นจะอยู่ในห้องแอร์ เพื่อปลอดฝุ่น เป็นการจัดการที่มีมูลค่า โดยผลตอบกลับมาของตลาดปรากฏชัดเจนในช่วงวิกฤติโรคซาร์ส จากวิกฤติกลายเป็นโอกาส นานาประเทศทั่วโลกสั่งออร์เดอร์สินค้ามาที่เขามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้รับการยอมรับในมาตรฐานสินค้า ซึ่งหลาย ๆ ประเทศยังขาดในเรื่องนี้ ทำให้ในระยะ 5 เดือนโรงงานต้องผลิตสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง ส่งออกเพิ่มสูงสุดเป็น 98 %

ไม่ท้อแท้…ชีวิตนี้ต้องเดินได้

ธงชัย ต้องเผชิญเรื่องเศร้า ๆ ในชีวิตอีกครั้ง หลังจากประสบอุบัติเหตุหกล้มภายในโรงงานท็อป โฮลซัมของเขาเมื่อ 3 ปีก่อน จนทำให้กระดูกทับเส้นประสาท ส่งผลให้ร่างกายของเขาผิดปกติ ขาทั้งสองข้างไม่สามารถเดินได้ และต้องรักษาด้วยการกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เขายอมรับว่าในช่วงระยะแรกเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจของเขาอย่างใหญ่หลวง แต่คำพูดของพ่อและแม่ที่เคยพร่ำสอนว่าถ้าล้มแล้วให้ลุก คอยเตือนสติอยู่ตลอดเวลา ทำให้เขาฮึดสู้กับชีวิตอีกครั้ง โดยทำงานตามปกติใช้สมองสั่งงาน โดยการถ่ายทอดความรู้ให้กับพนักงานส่วนต่าง ๆ ห้ามกลัวว่าใครจะเก่งหรือฉลาดแล้วจะหนีเราไป ต้องกล้าให้เขาเรียนรู้
"ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำมาหลายอย่างผมไม่ได้เรียนมา แต่ผมทำงานทุกอย่างด้วยใจ รักในสิ่งที่เราจะทำ แล้วทำเต็มที่ ผมเติบโตมาได้เพราะตั้งใจทำงานจริง ผมคิดเสมอว่าร่างกายผมไม่มาตรฐาน แต่สิ่งที่ผมทำต้องได้มาตรฐาน ผมไม่เคยคิดว่าร่างกายต่างจากคนอื่นจะเป็นอุปสรรคในชีวิต ชีวิตผมมีสิ่งเศร้า ๆ ผ่านเข้ามามาก ทำให้วันนี้ผมเป็นผู้บริหารที่ใจดี ผมผ่านทุกข์ ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาตลอดชีวิต ทุกคนต้องมีช่วงเครียด ๆ แต่เราจะต้องผ่านมาให้ได้ อยากให้ทุกคนคิดว่าต้องผ่านให้ได้ ถ้ากังวลจะผ่านไม่ได้"

แม้ร่างกายจะไม่ได้มาตรฐาน แต่ทุกสิ่งที่ทำต้องได้มาตรฐาน บทสรุปที่ผู้ชายตัวเล็ก แต่หัวใจแข็งแกร่ง "ธงชัย ปิยะสาธุกิจ" ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าประทับใจ
********************
โครงการความร่วมมือด้านข่าวภูมิภาค
พลเมืองเหนือ-ประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net