ศูนย์ข่าวภาคเหนือ- 28 ต.ค.47 วานนี้ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา กล่าวว่า หลังการเปิดการค้าเสรีไทย-จีน ได้เพียง 3 เดือน กรรมาธิการได้ลงตรวจสอบผลกระทบในพื้นที่ภาคเหนือพบว่า พื้นที่เพาะปลูกกระเทียมลดลงถึง 70 % ซึ่งรุนแรงมาก จนชาวบ้านต้องเลิกอาชีพ เพราะทำต่อไปไม่ไหว ต้องเอาหอม กระเทียมไปฝังทิ้ง สิ่งเหล่านี้ ล้วนมาจากการเปิดการค้าเสรี

"ผมพยายามเสนอแนะไปตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่า เราไม่ควรเซ็นสัญญาเร็วเกินไป และหากจะเซ็นก็ควรให้ภาคการผลิตได้มีส่วนรับรู้ และสอบถามกันก่อน ซึ่งตนเชื่อว่าต้องมีแต่ผู้ไม่เห็นด้วย เพราะกรรมาธิการฯ มีข้อมูลว่าพื้นที่เพาะปลูกในภาคเหนือมีน้อยลงมาก พื้นที่กว่า 80 % เป็นของนายทุนซึ่งต้องเช่าทำการเพาะปลูก แล้วข้อเสนอของรัฐบาลที่ให้ไปปลูกยางพาราก็ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตการปลูกไม้ล้มลุกของเกษตรกรส่วนมาก" นายไกรศักดิ์ กล่าว

นายไกรศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า รัฐแอบเซ็นสัญญาเปิดสินค้ากับออสเตรเลีย อีก 5,000 ชนิด ซึ่งเป็นสินค้าทางการเกษตรทั้งสิ้น ล่าสุด กำลังมีการเจรจากับสหรัฐอเมริกา อาจถึงขั้นที่ไทยจะต้องแก้กฏหมายหลายฉบับ ทั้งเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ขยายการผลิตจีเอ็มโอ เพราะอเมริกาต้องการ แต่ผมเชื่อว่าการรวบรวมข้อมูลวิจัยครั้งนี้ผลของมันจะกระทบให้รัฐบาลต้องทบทวน

"สังเกตได้ว่า รัฐบาลชุดนี้กำลังเอาผลผลิตผลประโยชน์ของเกษตรกร ไปแลกกับผลประโยชน์ทางธุรกิจส่วนตัว โดยไม่คำนึงว่า นั่นคือหายนะของเกษตรกรไทย" นายไกรศักดิ์ กล่าว

นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานกรรมาธิการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า การลงนามการค้าเสรี นั้น ผู้ได้รับผลประโยชน์มีเพียงคน 4 กลุ่มเท่านั้น คือ กลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม กลุ่มนายทุนอุตสาหกรรมการเกษตร กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ และกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำเมา แต่กลุ่มพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศกำลังจะตาย

"ดังนั้น จึงเสนอให้กลุ่มเกษตรกรทุกเครือข่าย ได้รวบรวมวาระประชาชน ในเรื่องการจัดการทรัพยากร เรื่องที่ดินทำกินไม่ให้ตกอยู่ในมือของนายทุน เรื่องการเกษตรและการกระจายรายได้ รวมทั้งในเรื่องการสื่อสารสาธารณะ เช่น วิทยุชุมชน เพื่อจะได้นำไปเสนอให้สภาและรัฐบาลได้รับผิดชอบและพิจารณา" นพ.นิรันดร์ กล่าว

องอาจ เดชา
ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน