Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

สงบเย็นในแผ่นดินเกิด
ระพินทร์ เรือนแก้ว
คนเหนือ เหยื่อไฟใต้ ….

แผ่นดินแม่ … เมืองเชียงใหม่ …โอบรับร่างของ "ระพินทร์ เรือนแก้ว" ไว้แล้ว …

ระพินทร์ - ผู้เป็นถึงผู้พิพากษา แต่ถูกคมกระสุนที่ปัตตานีปลิดชีพอย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าต่อตาลูกเมีย เขาคือศพที่ 310 จากเหตุการณ์ไม่สงบที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ไม่มีใครยืนยันได้ว่าจะเป็นศพสุดท้าย

ไฟใต้ … ที่บานปลายมาถึงคนเหนือ โหมไหม้บุคคลในกระบวนการยุติธรรมจนร้อนอยู่ไม่ติดไปทั้งระบบ

บ่ายของวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2547 ที่สนามบินกองบิน 41 เชียงใหม่ เครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำร่างที่คลุมด้วยธงชาติไทยของ "ระพินทร์" จากแดนใต้กลับมาถึงเมืองเชียงใหม่ ที่ซึ่งเขาได้เกิดและใช้ชีวิตในวัยเด็ก คงไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของนายเหรียญ และนางเพ็ญศรี พ่อและแม่ที่ถือกระถางธูปและภาพของลูกชาย เดินนำขบวนเกียรติยศอันแสนเศร้านี้ได้

ทหารอากาศ 8 นายแบกโลงบรรจุร่างเขาผ่านการทำความเคารพจาก นาย สุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอุดม วัตตธรรม อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 นายปรีชา บุญโรจน์พงศ์ หัวหน้าผู้พิพากษาจังหวัดเชียงใหม่ ข้าราชการตุลาการประจำศาลจังหวัดเชียงใหม่ ทหารตำรวจ ตลอดจนประชาชน ที่ไปรอรับประมาณ 200 คน

เขา … กำลังจะเดินทางไปที่วัดพระนอนป่าเก็ตถี่ อำเภอสารภี จ.เชียงใหม่เพื่อรอรับพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2547 ที่สุสานกู่เขาเหล็ก

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 17 กันยาน พ.ศ.2547 เวลาประมาณ 8.30 น.ที่สี่แยกไฟแดงถนนโรงเหล้าสาย ข อ.เมืองปัตตานี ระพินทร์ขับรถยนต์โตโยต้าแวนสีนำเงินหมายเลขทะเบียน กต 6485 สงขลา กลับจากการส่งบุตรสาวคนโตที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมีภรรยาคือนางเพ็ญศรี เรือนแก้วที่อุ้มบุตรสาวคนเล็กอยู่ที่เบาะหลัง ทั้งคู่พูดคุยถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ที่ปรากฏเป็นข่าวไม่เว้นวัน

ขณะที่กำลังจอดรอสัญญาณไฟอยู่นั้น มีวัยรุ่น 3 คน สวมหมวกกันน็อคขับรถจักยานยนต์ 2 คัน เข้ามาจอดประกบทางด้านคนขับ และชักอาวุธปืน .38 และ 9 มม.กระหน่ำยิงเขา ระพินทร์พยายามขับรถหนีแต่ก็ไม่สามารถที่จะหลบรอดคมกระสุนที่ทะลุผ่านกระจกและตัวถังรถ เจาะแขนขวา 1 นัด สีข้างหนึ่งนัด ท้องซ้าย 1 นัด และบริเวณศรีษะอีก 1 นัด และเขาก็ประคองรถไม่อยู่ เสียหลักพุ่งชนรถฝั่งตรงข้ามอีกคัน และเขาก็หมดลมลง

นี่คือ ศพที่ 310 หลังจากที่มีเหตุการณ์ปล้นปืนเกิดขึ้นบนแผ่นดินใต้ แม้ที่ผ่านมาเหยื่อจะคือคนของรัฐ แต่มิได้ถึงข้าราชการระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม

ระพินทร์ เรือนแก้ว 37 ปี เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2510 สำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี พ.ศ.2532 และเนติบัณฑิตจากเนติบัณฑิตยสภา เมื่อปี พ.ศ.2534 เข้ารับราชการที่กรมบังคับคดี และโอนย้ายมาเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา เป็นผู้พิพากษาประจำกระทรวง ผู้พิพากษาประจำกระทรวงปฏิบัติราชการศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนราธิวาส และผู้พิพากษาประจำจังหวัดปัตตานีตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2542

ก่อนหน้านั้นเขาเรียนที่สาธิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อนๆ เรียกเขาว่า "พ่อหลวง" ด้วยบุคลิคของผู้นำ และเรียนเก่ง

วีรวุธ จันทร์ภิรมย์ เพื่อนร่วมรุนโรงเรียนสาธิต ม.ช.กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มากและไม่น่าเชื่อว่าผู้พิพากษาจะเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่เกิดขึ้น ในวันเกิดเหตุนั้นตนได้เห็นข่าวในโทรทัศน์ว่ามีผู้พิพากษาถูกยิงเสียชีวิต แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนตนเอง จนเมื่อตอนช่วงสายเพื่อนร่วมรุ่นด้วยกันโทรศัพท์มาบอกว่า ระพินทร์ถูกยิงเสียชีวิต จึงได้รู้ ในสมัยที่ยังเรียนด้วยกันที่ โรงเรียนสาธิต ระพินทร์เป็น คนที่ตั้งใจเรียน รักเพื่อน นิสัยเรียบร้อย เวลาเพื่อนเดือดร้อนก็จะช่วยเหลือตลอด

ดวงนภา เรือนแก้ว ภรรยาขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัว โดยบอกว่าสามีเป็นผู้พิพากษาทำงานเพื่อให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรมโดยปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตและเป็นคนเสียสละมาก เดิมที่เป็นคนเชียงใหม่ แต่ยอมสละมาอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส 4 ปี แล้วย้ายมาอยู่ปัตตานี เป็นคนดีที่รักประชาชน ไม่คิดว่าจะเป็นเป้าหมายของสถานการณ์ในครั้งนี้ ส่วนสาเหตุที่จะมาจากเรื่องส่วนตัวนั้นยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้เลยเพราะไม่เคยมีปัญหากับใคร

"ตอนนี้ขอให้ศาลให้ความเป็นธรรม ให้ประชาชนได้เห็นว่าทางราชการได้ให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัว เพราะหากจะขอชีวิตก็คงไม่ได้แล้ว คดีนี้เป็นคดี อุกฉกรรจ์ เพราะเป็นระดับผู้พิพากษาแล้วประชาชนตาดำๆ จะรู้สึกปลอดภัยได้อย่างไร"

นายเหรียญ และนางเพ็ญศรี เรือนแก้ว บิดามารดานายระพินทร์ กล่าวว่า ลูกเป็นคนดีไม่น่าที่จะมาเสียชีวิตเพราะสถานการณ์อย่างนี้เลย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ระพินทร์ก็ได้กลับมาเยี่ยมที่บ้านเกิดและบอกว่าจะกลับมาสร้างบ้านให้พ่อแม่อยู่ อีกทั้งอยากจะกลับมาประจำอยู่ใกล้ๆ บ้านเพราะเป็นห่วงพ่อแม่อยากดูแลให้ใกล้ชิด แต่ก็ไม่มีโอกาสแล้ว

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ระพินทร์ สั่นคลอนหลักประกันในความปลอดภัยของชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะขวัญและกำลังใจของข้าราชการในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างยิ่ง และเกินเลยที่จะเชื่อมั่นในมาตรการและแนวทางควบคุมสถานการณ์ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้

แม้ผู้พิพากษายังคิดที่จะมีหน่วยคุ้มกันเองเช่นนี้ หากรัฐยังไม่มีวิธีที่จะเรียกความมั่นใจในชีวิตและทรัพย์สินกลับคืนมามากไปกว่าทุ่มกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตาต่อตาฟันต่อฟัน

ดินแดนใต้ย่อมห่างไกลคำว่า "สงบ"ลงไปทุกที และเป็นที่แน่นอนว่าย่อมสั่นคลอนไปถึงความเชื่อมั่นในฝีมือและนโยบายของรัฐด้วย

โครงการความร่วมมือด้านข่าวภูมิภาค
พลเมืองเหนือ-ประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net