ประชาไทย -- 8 ส.ค. 2547 อัยการพิเศษฝ่ายร้องความเป็นธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด คดีชาวบ้านปางแดงถูกป่าไม้จับกุมคดีบุกรุกพื้นทีป่าสงวนฯ อาจผิดโดยสุจริต และมาเรียกร้องช้าเกินไป

"ต้องยอมรับว่าประชาชนก็อาจกระทำผิดโดยสุจริต นี่พูดตรง ๆ นะ เรื่องป่าไม้นี่ ถึงอยู่กันมา 200 ปี ถ้าเขาประกาศเป็นป่าสงวนก็ต้องออก แต่การเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่อาจเป็นการกลั่นแกล้งก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" นายยุคล เหล่ากุลสุข อัยการพิเศษฝ่ายร้องขอความเป็นธรรม สำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวภายหลังจากที่ชาวบ้านปางแดง เข้าพบเพื่อร้องขอความเป็นธรรมทำเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้และตำรวจจับกุมด้วยข้อหาบุกรุกที่ป่าสงวน และอัยการจังหวัดเชียงใหม่จะยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 9 กันยายน นี้

ชาวบ้านปางแดงจำนวน 8 คน นำโดยนายคริษมันต์ เรืองโลกาภิวัตน์ เข้าเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากสำนักงานอัยการสูงสุดภายหลังตกเป็นผู้ต้องหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในเขต อ. เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ในประเด็นเร่งด่วนคือ ขอให้มีการเลื่อนฟ้องไปก่อน เพราะชาวบ้านเพิ่งทราบว่าจะมีการฟ้องพวกตนในวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา

ชาวบ้านปางแดงถูกเข้าจับกุมและดำเนินคดีเป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2532 ครั้งที่ 2 ในเดือนมีนาคม 2541 และครั้งนี้ถูกจับกุมทั้งหมด 56 คน ซึ่งชาวบ้านต่อสู้ว่า พื้นที่ที่พวกตนอาศัยอยู่เป็นหมู่บ้านบริวารของหมู่ ที่ 9 และหมู่ที่ 11 ตำบลปางแดง อ. เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และไม่มีความชัดเจนว่าเป็นป่าสงวนหรือไม่ เพราะมีการประกาศเป็นเขต สปก. ในพื้นที่ดังกล่าว

ด้านนายวรวุฒิ วรกุล อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเข้ารับฟังข้อเรียกร้องด้วย แสดงความเห็นว่าการมาเรียกร้องในระยะเวลาที่กระชั้นชิดเช่นนี้อาจดำเนินการใด ๆ ได้ลำบาก

ทั้งนี้บรรยากาศในการเจรจาเป็นการตั้งคำถามจากนายยุคล เป็นส่วนใหญ่ บางคำถามชาวบ้านไม่สามารถตอบได้เพราะเป็นภาษากฎหมาย และกระบวนการทางกฎหมายซึ่งชาวบ้านไม่เข้าใจนัก และนายยุคลยังได้ขอทำสำเนาบัตรประชาชนของชาวบ้านจำนวน 6 คนที่ตกเป็นผู้ต้องหาเอาไว้โดยอธิบายว่าเพื่อความสะดวกในการติดต่อ

รายงานโดย : พิณผกา งามสม
ศูนย์ข่าวประชาไท