Skip to main content
sharethis

องค์กรและเครือข่ายที่ติดตามกรณีพืชจีเอ็มโอระหว่างประเทศส่งจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนนโยบายขึ้นรถไฟสายจีเอ็มโอไปตายเอาดาบหน้า และสนับสนุนการเคลื่อนไหวคัดค้านจีเอ็มโอของประชาชนในประเทศไทย การเคลื่อนไหวเพื่อคัดค้านการเปิดเสรีจีเอ็มโอของเครือข่ายองค์กรประชาชนในประเทศไทยในระยะหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับการเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวางทั่วโลก โดยมีรายงานข่าวดังกล่าวเผยแพร่ผ่านสำนักข่าวต่างประเทศ หลายสำนัก ข่าวดังกล่าวได้รับความสนใจและจับตามองอย่างใกล้ชิดจากประเทศต่างๆทั่วโลก

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2547 ที่ผ่านมา เครือข่ายองค์กรระหว่างประเทศ กลุ่มติดตามพืชจีเอ็มโอ (GM Watch) ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศอังกฤษได้ส่งจดหมายอิเลคโทรนิคส์เพื่อสนับสนุนและให้กำลังใจแก่การเคลื่อนไหวต้านจีเอ็มโอขององค์กรประชาชนในประเทศไทย

ทั้งนี้โดยได้ส่งจดหมายลงวันที่ 27 สิงหาคม 2547 ถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้มีการทบทวนมติการเปิดเสรีจีเอ็มโอ จุดยืนของรัฐบาลไทยในอดีตที่มีมติยับยั้งมิให้มีการปลูกทดลองจีเอ็มโอในระดับไร่นานั้น เป็นที่ชื่นชมของผู้บริโภคอาหารอินทรีย์ รวมทั้งผู้บริโภคที่ปฏิเสธอาหารจีเอ็มโอในยุโรป และประเทศอื่นๆซึ่งมีจำนวนรวมกันหลายล้านคน

อย่างไรก็ตามการประกาศเพื่อเตรียมเปิดเสรีจีเอ็มโอของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2547 ที่ผ่านมาได้สร้างความผิดหวังเป็นอย่างยิ่งต่อกลุ่มดังกล่าว กลุ่มติดตามพืชจีเอ็มโอ (GM Watch) ซึ่งได้ติดตามปัญหาเรื่องนี้มายาวนานในยุโรป และประเทศอื่นๆทั่วโลกจึงได้ทำหนังสือถึงรัฐบาลเพื่อชี้ให้เห็นถึงหายนะภัยของจีเอ็มโอ ซึ่งจะกระทบทั้งต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม การพึ่งพาทางเทคโนโลยี ตลอดจนโอกาสในการส่งออกอาหารที่ปลอดภัยและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค

เนื้อหาของจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีมีรายละเอียดตามเอกสารที่แนบมาท้ายเอกสารนี้

จดหมายเปิดผนึกถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย

เราเขียนมาแสดงความกังวลต่อข่าวที่ว่าคุณตั้งใจจะเปิดไฟเขียวให้ปลูกและขายพืชจีเอ็มโอในประเทศไทย การกระทำของคุณช่างเสี่ยงต่อการทำอันตรายอย่างร้ายแรงต่อจุดยืนของประเทศไทยในประชาคมโลก และการทำการค้าของผลผลิตเกษตรไทย

เราขอสนับสนุนจุดยืนของผู้เชี่ยวชาญ เกษตรกร ผู้บริโภคและภาคประชาสังคมไทยที่กำลังเตือนคุณว่า สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้ไม่ใช่ผลประโยชน์ของประเทศ เราขอเตือนให้คุณปรึกษากลุ่มคนเหล่านี้และสาธารณชนไทยก่อนที่จะตัดสินใจไปอย่างสะเพร่า

คุณพูดถึงความจำเป็นของประเทศไทยที่ต้องขึ้นรถไฟสายเทคโนโลยีชีวภาพนี้ก่อนที่จะสายเกินไป นี่ทำให้เราสงสัยว่า อะไรชักพาให้คุณเชื่อว่ารถไฟสายนี้กำลังจะมุ่งไปสู่

ตัวอย่างเช่น คุณเคยได้รับการบอกกล่าวหรือไม่ เกี่ยวกับงานวิจัยล่าสุดของบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลก Ernst and Young ที่ชี้ชัดว่า บริษัทที่ทำการค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพในสหรัฐอเมริกาอยู่ในภาวะขาดทุนสะสมมากกว่า 41,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

คุณเคยได้รับการบอกกล่าวหรือไม่ว่า Joseph Cortright นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ได้อธิบายว่ามันไม่ต่างอะไรกับ "เชื้อไวรัสความคิดเลวๆ" ที่แพร่กระจายในหมู่ผู้นำทางการเมืองที่ต่างก็พากันเชื่อว่า พวกเขาต้องให้เงินช่วยเหลืออุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพที่กำลังขาดทุน และหมดความสามารถในการแข่งขัน งานวิจัยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพของ Joseph Cortright ทำให้เขาได้ข้อสรุปว่า ความเชื่อที่ว่าจะใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อช่วยเศรษฐกิจนั้น เป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเยาะ

ขณะที่ความจริงสำหรับเทคโนโลยีชีวภาพยังคงเป็นปัญหา ความจริงเกี่ยวกับพืชจีเอ็มโอยิ่งเป็นปัญหามากกว่า นอกประเทศกำลังพัฒนา พืชจีเอ็มโอกำลังอยู่ภาวะล่าถอยอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากการประกาศของมอนซานโต้เมื่อไม่นานนี้ -ยกเลิกทุกความพยายามที่จะเผยแพร่ข้าวสาลีจีเอ็มโอในระดับโลก -ยกเลิกโครงการการปรับปรุงพันธุ์คาโนล่าจีเอ็มโอในออสเตรเลีย -ถอนโครงการซีเรียลออกจากยุโรป

สำหรับบริษัทที่เกี่ยวกับจีเอ็มโอบริษัทอื่นๆ อาทิ ไบเออร์ และ ซินเจนต้า ก็ตกอยู่ในภาวะถดถอยเช่นกัน คุณอ้างว่ายุโรปได้เปิดประเทศสำหรับจีเอ็มโอแล้ว แต่ความเห็นเช่นนี้คงต่างกับประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาที่พยายามส่งออกสินค้าจีเอ็มโอมายังสหภาพยุโรป

เพราะอย่างนั้น สหรัฐอเมริกาจึงยังคงพยายามใช้องค์การการค้าโลกกดดันสหภาพยุโรป ในความเป็นจริง สหภาพยุโรปเพิ่งบังคับใช้มาตราการเกี่ยวกับจีเอ็มโอที่เข้มงวดที่สุดในโลก บริษัทอาหารหลายแห่งและซุปเปอร์มาร์เก็ตในยุโรปต่างก็มีนโยบายไม่รับจีเอ็มโอในสินค้าของพวกเขา
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพซึ่งบริษัทเหล่านี้ได้รับแรงสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาลสหรัฐพยายามผลักดันให้ประเทศในเอเชียรับ ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของเหล่าอุตสาหกรรมเลวๆพวกนี้

ผู้สนับสนุนพืชจีเอ็มโอจะบอกคุณว่า คุณกำลังตกอยู่ในอันตราย หากล้าหลังในการแข่งขันเทคโนโลยีชีวภาพระดับเอเชีย แต่หากพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว คุณจะเห็นว่า นั่นคือความเห็นที่ไร้สาระ

มอนซานโต้ได้ถอนจีเอ็มโอออกจากอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างถูกสอบเรื่องการคอรัปชั่น ในจีน ผู้นำทางการเมืองแสดงออกให้เห็นว่ากำลังพิจารณาเรื่องจีเอ็มอย่างถึงแก่นมากขึ้น โดยมีสาเหตุจากหลักฐานถึงภัยต่อผู้บริโภค

ศาสตราจารย์ ต้า หยวน เสีย เตือนว่า พืชจีเอ็มโอไม่ได้นำมาซึ่งประโยชน์อย่างมีนัยยะสำคัญต่อเกษตรกรรายย่อยของจีน ขณะเดียวกัน พืชจีเอ็มโอชนิดเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้าในอินเดีย คือ ฝ้าย กำลังเป็นประเด็นความขัดแย้งอย่างหนัก

หนึ่งในปัญหาที่ควบคุมได้ยากสำหรับเกษตรกรและผู้ส่งออกไทยที่ไม่ต้องการสูญเสียตลาด คือ การปนเปื้อนของจีเอ็มโอหลีกเลี่ยงได้ยากมาก และค่าใช้จ่ายที่จะป้องกันนั้นอาจทำให้เกิดเลี่ยงที่จะไม่ทำ นอกจากนั้น ยังไม่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบในระยะยาวของพืชจีเอ็มโอต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์

ดังนั้น เราขอให้คุณอย่าตัดสินใจเพียงแค่ได้รับความเห็นจากผู้สนับสนุนเทคโนโลยีชีวภาพ, คำสั่งของรัฐบาลสหรัฐ และ บรรษัทที่ต้องการส่งออกเมล็ดพันธุ์และสินค้ามายังประเทศไทย ทั้งที่ไม่มีที่ใดในโลกต้องการ

เราขอให้คุณอย่าละเลยสิทธิของเกษตรกรและผู้บริโภคไทย เพราะเพียงแค่ถูกแรงกระตุ้นและกดดันจากสหรัฐอเมริกา บรรษัทข้ามชาติด้านเทคโนโลยีชีวภาพและผู้สนับสนุนภายในประเทศ

เราขอร้องคุณอย่าสร้างความเสี่ยงให้กับประเทศไทยซึ่งมีชื่อเสียงดีงามในด้านคุณภาพสินค้าเกษตร และที่สุดแล้ว เราขอร้องให้คุณปรึกษาเกษตรกรและผู้บริโภคไทยว่า เขาต้องการพืชจีเอ็มโอหรือไม่

โจนาธาน แมทธิวส์ ผู้อำนวยการจีเอ็ม ว๊อทช์ www.gmwatch.org

รายงานโดย : ศูนย์ข่าวประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net