Skip to main content
sharethis

 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) จัดเสวนาให้ความรู้เรื่องวัตถุอวกาศ โดยมี 'เฌอปราง-BNK48' ร่วมเปิดมุมมองผ่านความคิดคนรุ่นใหม่ ย้ำแม้เทคโนโลยีอวกาศจะทำให้มีความเสี่ยงจากขยะอวกาศ แต่ก็มีประโยชน์ที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น มีความแม่นยำในการทำงานต่างๆ มากขึ้น 

11 เม.ย.2561 รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า ร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) จัดเสวนา “นับถอยหลังเทียนกง-1 ตกสูงโลก บทสรุปจากห้วงอวกาศ” เพื่อให้สาธารณชนเกิดการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการติดตามและเฝ้าระวังวัตถุอวกาศ นำโดย ดร.สิทธิพร ชาญนำสิน ผู้เชี่ยวชาญด้านกลศาสตร์วงโคจร จากจิสด้า, พรเทพ นวกิจกนก หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์วงโคจรและวัตถุอวกาศจากจิสด้า,  กฤษณ์ คุณผลิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาด บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน),  ผศ.ดร.ชูเกียรติ น้อยฉิม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอวกาศ จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ร.ต.พงศธร ศิริสาคร ผู้แทนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย  และ เฌอปราง อารีย์กุล หรือ เฌอปราง-BNK48  เข้าร่วมงาน  ณ ลานเอเทรี่ยม 3 ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ 

 
รายงานข่าวระบุว่า ในช่วงระหว่างการเสวนาเชิงวิชาการ ดร.สิทธิพ กล่าวว่า “จิสด้า ในฐานะหน่วยปฎิบัติภารกิจทางด้านอวกาศของไทย ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยทางจิสด้ามีโปรแกรมที่ใช้ติดตามความสูงของสถานีอวกาศ รวมไปถึงความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติเพื่อติดตามการตกของสถานีอวกาศเทียงกง-1 ด้วยข้อมูลจากโปรแกรม EMERALD ที่จิสด้าพัฒนาขึ้น และข้อมูลจาก China manned space พบว่าสถานีอวกาศเทียนกง 1 โคจรรอบโลกด้วยความสูงเฉลี่ย ณ วันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 198 กิโลเมตร ทั้งนี้เมื่อสถานีอวกาศเทียนกง 1  ตกสู่พื้นผิวโลกจะมีการแตกเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็ก และหลงเหลือสู่พื้นโลกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศที่มีความร้อนสูงจนทำให้โลหะต่างๆ เกิดการระเหิดและกลายเป็นไอในที่สุด ทั้งนี้ โอกาสที่ชิ้นส่วนจะตกในพื้นที่ของประเทศไทยมีน้อยกว่าร้อยละ 0.1”
 
กฤษณ์ คุณผลิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาด บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)     และเป็นผู้แทนศูนย์อวกาศและจรวดแห่งชาติสหรัฐ เผยว่า “ปัจจุบันมีขยะอวกาศอยู่ในวงโคจรชั้นต่ำประมาณ 500,000 ชิ้น และมีดาวเทียมที่ใช้งานได้อยู่ประมาณ 50,000 ดวง ส่วนโอกาสของสถานีอวกาศเทียนกง-1 ที่จะตกสู่ไทยนั้นเขาคำนวณว่ามีโอกาสประมาณ 0.01%”
 
ด้าน "เฌอปราง อารีย์กุล" กัปตันวง BNK48 ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ได้มาร่วมงานเสวนาเปิดมุมมองผ่านเกี่ยวกับอวกาศ ให้ความเห็นว่าแม้เทคโนโลยีอวกาศจะทำให้มีความเสี่ยงจากขยะอวกาศ แต่ก็มีประโยชน์ที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น มีความแม่นยำในการทำงานต่างๆ มากขึ้น  เรื่องวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่เราคิด ดีใจมากๆที่ได้มาร่วมเสวนาวันนี้ ส่วนตัวชอบเรื่องเกี่ยวกับอวกาศอยู่แล้ว และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และอวกาศตลอดอยู่แล้ว”
 
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา  หน่วยงานติดตามและรายงานสถานการณ์ของสถานีอวกาศเทียนกง-1 ของจีน หรือ China Manned Space Agency: CMSA ประกาศผ่านทางเว็บไซต์ว่า เมื่อเวลา 08.15 ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 07.15 ตามเวลาในประเทศไทย สถานีอวกาศเทียนกง-1 ของจีน ได้ตกสู่พื้นโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ โดยชิ้นส่วนทั้งหมดของเทียนกง 1 ได้ถูกเผาไหม้ไประหว่างเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ไม่มีรายงานความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดมาจากการตกลงมาของเทียนกง 1 แต่อย่างใด  ซึ่งสถานีอวกาศ ‘เทียนกง-1’ ของจีน ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรของโลกเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2554 จากฐานปล่อยจรวดเมืองจิ๋วฉวน มณฑลกานซู มีวงโคจรห่างจากโลก 350 กม. มีขนาด 8.5 ตัน และเป็นสถานีอวกาศแห่งแรกของจีน
 
การตกของวัตถุจากอวกาศที่ตกมายังพื้นผิวโลกนั้นมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มมีการส่งดาวเทียมดวงแรกได้ “สปุตนิก” ของสหภาพโซเวียต โดยทั่วไปแล้วชิ้นส่วนส่วนใหญ่ของดาวเทียมจะถูกเผาไหม้ไปกับชั้นบรรยากาศ แต่กรณีที่เป็นสถานีอวกาศที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวเทียม จะมีชิ้นส่วนบางชิ้นจะเผาไหม้ไม่หมดตกสู่พื้นผิวโลก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมากว่า 60 ปี ชิ้นส่วนจากอวกาศที่ตกลงมาสู่พื้นผิวโลกนั้นไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ให้ชีวิตและทรัพย์สินแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม กฎหมายอวกาศหรือข้อตกลงทางด้านอวกาศมีการกล่าวถึงรายละเอียดของการชดใช้ความเสียหายที่เกิดจากดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ โดยประเทศเจ้าของจะเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย

 

 
11 เม.ย.2561 รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า ร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) จัดเสวนา “นับถอยหลังเทียนกง-1 ตกสูงโลก บทสรุปจากห้วงอวกาศ” เพื่อให้สาธารณชนเกิดการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการติดตามและเฝ้าระวังวัตถุอวกาศ นำโดย ดร.สิทธิพร ชาญนำสิน ผู้เชี่ยวชาญด้านกลศาสตร์วงโคจร จากจิสด้า, พรเทพ นวกิจกนก หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์วงโคจรและวัตถุอวกาศจากจิสด้า,  กฤษณ์ คุณผลิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาด บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน),  ผศ.ดร.ชูเกียรติ น้อยฉิม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอวกาศ จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ร.ต.พงศธร ศิริสาคร ผู้แทนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย  และ เฌอปราง อารีย์กุล หรือ เฌอปราง-BNK48  เข้าร่วมงาน  ณ ลานเอเทรี่ยม 3 ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ 
 
รายงานข่าวระบุว่า ในช่วงระหว่างการเสวนาเชิงวิชาการ ดร.สิทธิพ กล่าวว่า “จิสด้า ในฐานะหน่วยปฎิบัติภารกิจทางด้านอวกาศของไทย ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยทางจิสด้ามีโปรแกรมที่ใช้ติดตามความสูงของสถานีอวกาศ รวมไปถึงความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติเพื่อติดตามการตกของสถานีอวกาศเทียงกง-1 ด้วยข้อมูลจากโปรแกรม EMERALD ที่จิสด้าพัฒนาขึ้น และข้อมูลจาก China manned space พบว่าสถานีอวกาศเทียนกง 1 โคจรรอบโลกด้วยความสูงเฉลี่ย ณ วันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 198 กิโลเมตร ทั้งนี้เมื่อสถานีอวกาศเทียนกง 1  ตกสู่พื้นผิวโลกจะมีการแตกเป็นชิ้นส่วนขนาดเล็ก และหลงเหลือสู่พื้นโลกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศที่มีความร้อนสูงจนทำให้โลหะต่างๆ เกิดการระเหิดและกลายเป็นไอในที่สุด ทั้งนี้ โอกาสที่ชิ้นส่วนจะตกในพื้นที่ของประเทศไทยมีน้อยกว่าร้อยละ 0.1”
 
กฤษณ์ คุณผลิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาด บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)     และเป็นผู้แทนศูนย์อวกาศและจรวดแห่งชาติสหรัฐ เผยว่า “ปัจจุบันมีขยะอวกาศอยู่ในวงโคจรชั้นต่ำประมาณ 500,000 ชิ้น และมีดาวเทียมที่ใช้งานได้อยู่ประมาณ 50,000 ดวง ส่วนโอกาสของสถานีอวกาศเทียนกง-1 ที่จะตกสู่ไทยนั้นเขาคำนวณว่ามีโอกาสประมาณ 0.01%”
 
ด้าน "เฌอปราง อารีย์กุล" กัปตันวง BNK48 ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ได้มาร่วมงานเสวนาเปิดมุมมองผ่านเกี่ยวกับอวกาศ ให้ความเห็นว่าแม้เทคโนโลยีอวกาศจะทำให้มีความเสี่ยงจากขยะอวกาศ แต่ก็มีประโยชน์ที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น มีความแม่นยำในการทำงานต่างๆ มากขึ้น   เรื่องวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่เราคิด ดีใจมากๆที่ได้มาร่วมเสวนาวันนี้ ส่วนตัวชอบเรื่องเกี่ยวกับอวกาศอยู่แล้ว และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และอวกาศตลอดอยู่แล้ว”
 
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา  หน่วยงานติดตามและรายงานสถานการณ์ของสถานีอวกาศเทียนกง-1 ของจีน หรือ China Manned Space Agency: CMSA ประกาศผ่านทางเว็บไซต์ว่า เมื่อเวลา 08.15 ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 07.15 ตามเวลาในประเทศไทย สถานีอวกาศเทียนกง-1 ของจีน ได้ตกสู่พื้นโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ โดยชิ้นส่วนทั้งหมดของเทียนกง 1 ได้ถูกเผาไหม้ไประหว่างเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ไม่มีรายงานความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดมาจากการตกลงมาของเทียนกง 1 แต่อย่างใด  ซึ่งสถานีอวกาศ ‘เทียนกง-1’ ของจีน ถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรของโลกเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2554 จากฐานปล่อยจรวดเมืองจิ๋วฉวน มณฑลกานซู มีวงโคจรห่างจากโลก 350 กม. มีขนาด 8.5 ตัน และเป็นสถานีอวกาศแห่งแรกของจีน
 
การตกของวัตถุจากอวกาศที่ตกมายังพื้นผิวโลกนั้นมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มมีการส่งดาวเทียมดวงแรกได้ “สปุตนิก” ของสหภาพโซเวียต โดยทั่วไปแล้วชิ้นส่วนส่วนใหญ่ของดาวเทียมจะถูกเผาไหม้ไปกับชั้นบรรยากาศ แต่กรณีที่เป็นสถานีอวกาศที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวเทียม จะมีชิ้นส่วนบางชิ้นจะเผาไหม้ไม่หมดตกสู่พื้นผิวโลก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมากว่า 60 ปี ชิ้นส่วนจากอวกาศที่ตกลงมาสู่พื้นผิวโลกนั้นไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ให้ชีวิตและทรัพย์สินแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม กฎหมายอวกาศหรือข้อตกลงทางด้านอวกาศมีการกล่าวถึงรายละเอียดของการชดใช้ความเสียหายที่เกิดจากดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ โดยประเทศเจ้าของจะเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net