ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย : วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2005 เวลา 13:45น.
รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียยังพร้อมเปิดเจรจาแก้ปัญหาชายแดนกับไทย ลบคำครหาหนุนขบวนการก่อความไม่สงบ นักวิชาการชี้ภาพ "วันนอร์" ถูกปฏิเสธจากคนในพื้นที่ เตือนตัวแทนเจรจาต้องเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย
หนังสือพิมพ์อูตุซาน ประเทศมาเลเซีย ประจำวันที่ 13 ตุลาคม เสนอข่าวดาโต๊ะ ไซยิด ฮามิด อัลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.
"มาเลเซียไม่ได้บังคับให้ประเทศใดเข้าโต๊ะเจรจา แต่ยังคงเปิดโอกาสในการที่จะร่วมกันแก้ปัญหาผ่านทางการทูต เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เรามองว่า การตั้งโต๊ะเจรจานั้นจำเป็น เพื่อให้การแก้ปัญหาชัดเจนขึ้น และหลีกเลี่ยงข้อครหาว่า มาเลเซียให้การสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลไทยในพื้นที่ชายแดนภาคใต้" ดาโต๊ะไซยิดกล่าว
ด้าน ผศ. ชิดชนก ราฮิมมูลา อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า หากวิเคราะห์เหตุผลที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ยอมเจรจากับทางมาเลเซียเองนั้น เป็นเพราะทั้งสองฝ่ายยังต้องแสวงหาข้อเท็จจริง เพื่อคลี่คลายปัญหาร่วมกัน ขณะนี้ความสับสนที่เกิดขึ้นคือทั้งสองฝ่ายมองปัญหาไม่ตรงกัน จึงยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้ระดับผู้นำลงไปเอง เพราะยังไม่ใช่การตัดสินใจ ในทางกลับกันหากนายกรัฐมนตรีไปแล้วคุยกันไม่เข้าใจ อาจถูกโยงเป็นความขัดแย้งระดับประเทศได้
ผศ.ชิดชนก กล่าวอีกว่า หากมองในแง่บวก การไปเยือนของนายกรัฐมนตรี น่าจะสร้างความประทับใจให้ประเทศเพื่อนบ้านได้ เพราะทางมาเลเซียเองก็มีท่าทีซึ่งพร้อมจะให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว ผู้นำรัฐบาลไทยต้องแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง จึงจะถือว่าเป็นการให้เกียรติต่อเวทีระหว่างประเทศด้วย แต่ทั้งนี้ต้องมีลีลาที่สร้างมิตรไมตรี
ด้านความเหมาะสมของผู้ที่จะลงไปในนามรัฐบาลนั้น ดร.ชิดชนก กล่าวว่า ต้องดูว่ารัฐบาลไทยและมาเลเซียมองปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้ลี้ภัยทั้ง 131 คนอย่างไร หากมองว่าเป็นเรื่องของผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็เหมาะสมแล้วที่จะให้ พล.ต.อ.
"สำหรับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนั้น ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นและเคยอยู่ในรัฐบาล เข้าใจปัญหาเป็นอย่างดี อาจจะมีสะพานที่เชื่อมโยงพูดคุยกับทางรัฐบาลมาเลเซียให้เกิดความเข้าใจปัญหาได้ดีกว่าโดยไม่ต้องเป็นทางการเสมอไป แต่การยอมรับนั้นอาจจะไม่มีมากเหมือนในอดีต เพราะไม่มีภาพในการทำให้เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นลดลงเลย ตั้งแต่กรณีกรือเซะ ตากใบ อีกทั้งพรรคไทยรักไทยถูกปฏิเสธจากคนในพื้นที่ ส.ส.มุสลิมไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ กระแสผิดหวังอาจจะมีบ้าง หากจะเดินทางไปขอความร่วมมือแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ต้องเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่าย" ผศ.ชิดชนกกล่าว
ผศ.ชิดชนก กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางรัฐบาลไทยอาจมองว่ามีแหล่งซ่องสุมตามตะเข็บชายแดน แต่ต้องยอมรับความจริงว่าไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน เจาะจงว่าที่ไหนเป็นแหล่งซ่องสุมเพื่อขอความร่วมมือจากทางการมาเลเซีย และกลับมองว่ามาเลเซียแทรกแซงปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งทางมาเลเซียเองก็ได้แต่ออกมาพูดผ่านสื่อในเชิงปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด
"ถ้าไทยมีความหวาดระแวงประเทศเพื่อนบ้านก็ควรขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาลดีกว่าที่จะมาพูดผ่านสื่อ เพราะจะเป็นการเพิ่มปัญหามากขึ้น และเสียมิตร ถ้าเห็นปัญหาการกอการร้ายเป็นปัญหาสำคัญระดับโลกแล้ว เราต้องแก้ปัญหาร่วมกันโดยแสวงหามิตรมากกว่าตั้งความหวาดระแวง"ผศ.ชิดชนกกล่าว
นอกจากนี้ผศ.ชิดชนกกล่าวยังเห็นว่าท่าทีของรัฐบาลไทยที่มีต่อปัญหา 131 คนไทยที่อพยพเข้าไปในประเทศมาเลเซียนั้น จนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีข้อมูลของคนไทยทั้งหมดที่เข้าไปในมาเลเซีย ทั้งๆที่ควรแสวงหาความร่วมมือและให้ความสำคัญที่จะช่วยเหลือคนทั้งหมดให้กลับประเทศอย่างจริงจัง ดีกว่าที่จะมัวคิดว่าเป็นปัญหาจากการกดดันภายนอกประเทศ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)