Skip to main content
sharethis

 


แถลงการณ์พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
       ฉบับที่ 6/2549

       
       นัดหมายชุมนุมใหญ่แสดงตนขอพึ่งพระบารมี
       ขอพระราชทานนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 7
       ปลดชนวนวิกฤตของแผ่นดิน
       เริ่มต้นการปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2

       
       


       
       พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ
       
       การชุมนุมใหญ่ของประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าอาชีพเพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างไม่มีเงื่อนไข ที่เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 - 5 กุมภาพันธ์ 2549 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 26 - 27 กุมภาพันธ์ 2549 และครั้งสุดท้ายเริ่มต้นปักหลักชุมนุมยืดเยื้อตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2549 เป็นต้นมาจนบัดนี้ นับรวมระยะเวลาได้ 24 วัน 24 คืน เดินขบวนใหญ่ 3 ครั้งโดยยึดหลักสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ งดงามอย่างอารยะ มีจำนวนพี่น้องประชาชนสลับผลัดเปลี่ยนเข้าร่วมการชุมนุมนับล้านคน
       
       การแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันครั้งนี้ มิเพียงต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งอย่างไม่มีเงื่อนไขเท่านั้น แต่ยังต้องการให้เกิดกระบวนการปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2 โดยพลัน เพราะปัจจุบันกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจบริหารถูกแทรกแซงครอบงำอย่างสิ้นเชิง
       
       การชุมนุมครั้งประวัติศาสตร์ 24 วัน 24 คืน ได้พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดแจ้งว่า พี่น้องประชาชนที่ห่วงใยชะตากรรมของบ้านเมือง ได้รวมพลัง เสียสละ อดทน และยึดมั่นในแนวทางต่อสู้เรียกร้องอย่างสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ อย่างเคร่งครัด ตามกรอบกติกาของรัฐธรรมนูญ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กำลังรุนแรงอันจะนำมาซึ่งการบาดเจ็บล้มตายระหว่างพี่น้องประชาชนชาวไทยด้วยกันเอง
       
       แต่ความพยายามอันใหญ่และงดงามดังที่ประจักษ์แก่สายตาพลโลกครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้อง ใส่ใจ และสำนึกตนแม้แต่น้อยว่า แนวทางการบริหารชาติบ้านเมืองของตนนั้นจะนำมาซึ่งวิกฤตใหญ่หลวงให้กับชาติบ้านเมืองอันเป็นที่รักยิ่งของปวงประชาชาวไทยทุกคน
       
       พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงได้ยื่นข้อเรียกร้องสุดท้าย เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 21 มีนาคม 2549 ณ เวทีเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ให้เวลา 48 ชั่วโมงสุดท้าย ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจสละอำนาจ เพื่อให้เกิดกระบวนการปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2 โดยพลัน
       
       พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังคงดันทุรังดื้อด้านอย่างปราศจากจิตสำนึก
       
       พฤติกรรมดันทุรังดื้อด้านของโดยพยายามใช้การเลือกตั้งทั่วไปที่ขาดความชอบธรรมวันที่ 2 เมษายน 2549 เป็นเครื่องมือซักฟอกตัวเอง จะยิ่งทำให้วิกฤตของสังคมไทยนับจากนี้เป็นต้นไป ไร้ทางออก และมีแนวโน้มสูงว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงภายในชาติบ้านเมืองและสร้างความเสียหายทั้งทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ เนื่องเพราะการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงตั้งอยู่บนความเสี่ยงมหาศาลเมื่อพบว่ามีผู้สมัครจากพรรคเดียวถึง 271 เขต บางเขตไม่มีผู้สมัคร และปัญหาผู้สมัครในระบบบัญชีรายชื่อที่อาจส่งผลให้การเลือกตั้งไร้ความหมายได้ สส.ไม่ครบ 500 ครบ จนเปิดประชุมสภาฯ ไม่ได้ในที่สุด ซึ่งปัญหาเหล่านี้คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.ก็ไม่มีมาตรการรองรับแต่อย่างใด เพราะไม่เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน
       
       ในทางการเมือง -- การเลือกตั้งทั่วไปมีแนวโน้มจะยืดเยื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยังผลให้รัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพและเป็นต้นตอความขัดแย้ง คงทำหน้าที่รักษาการณ์ต่อไป สานต่อแนวนโยบายผิดพลาด มีผลประโยชน์ทับซ้อน และเอื้อประโยชน์พวกพ้อง จะยิ่งทำให้สังคมไทยเดินไปสู่หุบเหวหายนะเร็วยิ่งขึ้น
       
       และหากปล่อยให้มีการเลือกตั้งทั่วไปที่ไม่ชอบธรรมครั้งนี้เกิดขึ้น จะเป็นมูลเหตุกระตุ้นให้ประชาชนในประเทศเกิดความโกรธแค้น รุนแรง แบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย ยากที่จะคาดเดาผลที่จะติดตามมา
       
       ในทางเศรษฐกิจ -- หากปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปเพราะความดันทุรังดื้อด้านของคน ๆ เดียว จะทำให้เกิดผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างมิพักต้องสงสัย ไม่เฉพาะผลกระทบจากการท่องเที่ยวหรือการลงทุนจากต่างประเทศเท่านั้น แต่ทว่าแนวนโยบายเศรษฐกิจที่มุ่งไปสู่กับดักทุนเสรีนิยมโลกาภิวัตน์ ขายทรัพยากรชาติให้กับทุนต่างชาติ ไม่ใส่ใจจริยธรรมและธรรมาภิบาล ละทิ้งแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางที่จะทำให้ประเทศไทยเดินไปสู่ความเสื่อมทราม และสิ้นชาติเหมือนตัวอย่างที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศมาก่อนหน้านี้
       
       ในทางสังคม -- วิกฤตการณ์ทางสังคม การแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย ซ้ำยังมีขบวนการจัดตั้งของลิ่วล้อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรสนับสนุน ตอกลิ่มให้เกิดความแบ่งแยกขัดแย้งในสังคมรุนแรงเพิ่มขึ้นไปอีก จะฉีกสังคมที่สงบร่มเย็นในอดีตเป็นริ้ว ๆ ทิศทางการบริหารประเทศที่ยึดทุนเป็นใหญ่ ความโลภเป็นหลัก จะทำลายระบบคุณธรรม จริยธรรม ของสังคมอย่างสิ้นเชิงในเวลาอีกไม่นานนับจากนี้
       
       วิกฤตครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น และกำลังจะเกิดในระดับที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอีกหลังจากวันที่ 2 เมษายน 2549 มีระดับของความรุนแรงและความเสียหายไม่น้อยกว่าการสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อของประชาชนดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต แม้วิกฤตครั้งนี้ในท้ายสุดแล้วก็เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะไม่อาจดันทุรังดื้อด้านอยู่ได้ตลอดไป แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศอาจจะจบลงด้วยวิถีทางนอกรัฐธรรมนูญ
       
       ซึ่งไม่เป็นที่พึงปรารถนาของทุกฝ่าย
       
       ประตูแห่งการเปลี่ยนแปลงภายในระบบ ภายในกรอบของรัฐธรรมนูญ ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว คือวิถีทางตามมาตรา 7 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540
       
       "มาตรา 7 ในเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
       
       พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนรวมพลังร่วมแสดงตนขอพึ่งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพระกรุณาใช้พระราชอำนาจตามนัยแห่งมาตรา 7 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 พระราชทานนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อให้เกิดกระบวนการปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2 ที่ภาคประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม โดยพลัน
       
       กำหนดนัดชุมนุมใหญ่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2549 ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป ณ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร โดยมีจุดศูนย์กลางบริเวณเวทีใหญ่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์
       
       ส่วนพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัดทั่วประเทศส่วนที่ไม่อาจเดินทางมาร่วมได้ ขอได้โปรดรวมตัวกัน ณ จุดศูนย์กลางของจังหวัดตามความเหมาะสม
       

       พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีความเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะก่อให้เกิดคณะรัฐบาลเพื่อดำเนินการบริหารภารกิจเฉพาะโดยให้ความเคารพต่อสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เพื่อร่วมกันปฏิบัติภารกิจการปฏิรูปการเมืองที่ภาคประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม ภายในระยะเวลาที่เร็วที่สุด ก่อนจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่
       
       ระหว่างกระบวนการปฏิรูปการเมืองที่ภาคประชาชนมีส่วนร่วมนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมีความหวังว่าคณะรัฐบาลชุดใหม่จะยุติการดำเนินการที่เป็นต้นเหตุแห่งความวิบัติและความร้าวฉานในบ้านเมือง อาทิ
       
       - ยุติการเจรจาทวิภาคีทางการค้ากับต่างประเทศ (FTA) ในจุดที่ภาคประชาสังคมท้วงติง
       
       - ยุติการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ
       
       - นำสัมปทานดาวเทียม คลื่นความถี่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม คืนจากกลุ่มทุนต่างชาติ
       
       - ยกเลิกการให้เช่าฐานทัพกับกองกำลังต่างชาติ และทบทวนการดำเนินการทางทหารที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในภูมิภาค
       
       - จัดการกับการฉ้อราษฎร์บังหลวง การซื้อขายหุ้นชินคอร์ป และสัมปทานที่ไม่โปร่งใส อย่างจริงจัง
       

       
       นี่คือวิถีทางตามรัฐธรรมนูญหนทางเดียวที่เหลืออยู่ในการปลดชนวนวิกฤตของแผ่นดิน เข้าสู่กระบวนการปฏิรูปการเมืองที่ภาคประชาชนมีส่วนร่วม โดยสงบ สันติ อหิงสา งดงามอย่างอารยะ
       
       พบกันในวันเสาร์ที่ 25 มีนาคม 2549 ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป
       
       ณ ที่นี้ - สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร
       
       และ ณ ศูนย์กลางของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ
       
       มาร่วมแสดงตนขอพึ่งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพระกรุณาใช้พระราชอำนาจตามนัยแห่งมาตรา 7 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 พระราชทานนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อให้เกิดกระบวนการปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2 ที่ภาคประชาชนมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรม โดยพลัน

       



       ด้วยคารวะ
       
       พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
       

       23 มีนาคม 2549
       เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net