มล. "ปลื้ม" ไม่กลัวน้ำร้อน เขียนบทความติงรัฐ อย่าจัดการกับม็อบสองมาตรฐาน

"ประชาไท" แปลจากบทความ Double standards against protesters

เขียนโดย ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล จากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post, 26 July 2007

 

 

 

การใช้น้ำ, แก๊สน้ำตา หรือแม้แต่สเปรย์พริกไทยในการสลายผู้ชุมนุมที่ตัดสินใจกระทำการรุนแรงโดยเจตนา ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้และยังอยู่ในขอบเขตของกฎหมายอย่างแน่นอน

 

เมื่อฝูงชนรวมตัวกันกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงโดยการใช้วาจาหยาบคายและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหาร เจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้รับสิทธิในการตอบโต้และปราบปรามผู้โจมตีได้อย่างทันทีทันใด

 

การกล่าวอ้างว่า สิทธิขั้นพื้นฐานส่วนบุคคลถูกละเมิดเพราะกรณีเช่นที่กล่าวมานี้ จึงไม่ต่างจากการพูดว่าคุณสามารถล่วงละเมิดการปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ของเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฏหมายได้

 

หากแม้จะดูเหมือนเป็นเช่นนั้นก็ตามที สิ่งที่เราได้เห็นกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (22 ก.ค.2550) ที่ผ่านมา ต้องมีคำอธิบายมากกว่านั้น

 

การเดินขบวนโดยกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเกิดขึ้นได้ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย เราได้เห็นการเดินขบวนเหล่านี้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งที่เป็นประเทศพัฒนาแล้วหรือแม้แต่ประเทศที่ด้อยพัฒนา

 

แรงจูงใจของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งปะทะกับเจ้าหน้าที่ในคืนก่อนถึงวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น มาจากการที่พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนขบวนไปยังบริเวณที่พักอาศัยของประธานองคมนตรี เปรม ติณสูลานนท์ ได้ เป็นเหตุให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า: หลักเหตุผลทางกฏหมายอะไรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาใช้ในการขัดขวางไม่ให้แกนนำกลุ่มต้านเผด็จการ หรือที่รู้จักกันในนาม "แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ" (นปก.) มุ่งหน้าไปยังสถานที่ซึ่งพวกเขาต้องการจะไป?

 

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ผู้ประท้วงจำนวนมากรวมตัวกันในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฝูงชนราว 50,000 คน ที่ออกมาเดินขบวนประท้วงอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ล้วนเคลื่อนขบวนไปตามสถานที่ต่างๆ โดยที่การเคลื่อนไหวของพวกเขาได้รับการเกื้อหนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการนำทางฝูงชนเหล่านี้ จากสนามหลวงไปถนนราชดำเนิน, จากถนนราชดำเนินไปลานพระบรมรูปทรงม้า, จากลานพระบรมรูปทรงม้าไปยังทำเนียบรัฐบาล และที่อื่นๆ อีกมาก

 

ตลอดระยะเวลายาวนานนับปีของความพยายามเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความร่วมมืออย่างสม่ำเสมอกับการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมแทบจะทุกครั้ง กองทัพเองก็ไม่เคยว่ากล่าวอะไรออกมาสักคำเกี่ยวกับผู้ชุมนุม และไม่เคยต่อว่าพวกเขาเป็นตัวการสร้างความแตกแยกในสังคม

 

แต่ในปัจจุบันนี้ บทบาทของทุกเหล่าทัพ เป็นไปในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะแทนที่จะอำนวยความสะดวกให้กับการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฏหมายได้กลายเป็น "ผู้กีดขวาง" ความสามารถในการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมไปเสียแล้ว

 

เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน ขอกล่าวว่า บทความนี้ไม่ได้แบ่งแยกหรือชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างจุดมุ่งหมายของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและแกนนำกลุ่ม นปก.เพราะทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายทางการเมืองที่ไม่เหมือนกัน ส่วนจุดมุ่งหมายนั้นจะชอบธรรม หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับมุมมองทางการเมืองของแต่ละคน

 

ถึงแม้จะเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังจำได้ดีก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งพันธมิตรประชาธิปไตยเพิ่งเริ่มก่อตัวกันใหม่ๆ ครั้งแรกที่มีการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลนั้น ตลอดทางจากสวนลุมพินี ผู้ชุมนุมได้พยายามใช้กำลังบุกเข้าไปในรั้วทำเนียบ ซึ่งผู้กระทำความผิดแต่ละคนได้รับการถอนข้อกล่าวหาในภายหลัง ซึ่งผมสงสัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะถอนข้อกล่าวหาแบบเดียวกันนี้กับแกนนำ นปก.หรือไม่ ถ้าหากว่าวันนั้นพวกเขาตัดสินใจจะใช้กำลังพังรั้วทำเนียบเข้าไปบ้าง

 


ในฐานะประเทศหนึ่ง เมืองไทยไม่เคยมีความสามารถที่จะควบคุมการชุมนุมประท้วงได้เลย ไล่มาตั้งแต่ม็อบขนาดเล็กอย่างสมัชชาคนจนหรือกลุ่มผู้ประท้วงเขื่อนปากมูล และม็อบขนาดกลางอย่างกลุ่มผู้ชุมนุมสหภาพแรงงานของ กฟผ. รวมถึงม็อบของจำลอง ศรีเมืองและธรรมกายที่ออกมาต่อต้านกลุ่มบริษัทไทยเบเวอเรจ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเวลาที่เรามีกลุ่มผู้เดินขบวนประท้วงขนาดใหญ่อย่างกลุ่มพันธมิตรฯ หรือ นปก. เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถามว่าเราสามารถควบคุมหรือจัดการกับผู้ชุมนุมประท้วงเหล่านั้นโดยสันติวิธีได้หรือไม่

 

สิ่งที่ต้องทำให้ชัดเจนเด็ดขาดคือการสร้างมาตรฐานสำหรับผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม และการปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้ต้องเที่ยงธรรม เสมอภาค และสามารถนำไปใช้กับเจตนารมณ์ต่างๆ โดยยึดหลักเดียวกัน ถ้าสนธิ ลิ้มทองกุล และสุริยะใส กตะศิลา แห่งพันธมิตรฯ สามารถเคลื่อนขบวนไปยังสยามพารากอนและถนนพระราม 1 ได้ เพราะอะไร เหวง โตจิราการ และจักรภพ เพ็ญแข จึงไม่ควรเคลื่อนไปยังสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเป็นบ้านพักของพลเอกเปรม?

 

ถ้าหากตำรวจพยายามขัดขวางไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนในเวลานั้น เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะมีการปะทะกันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อปลายปีก่อน ในทำนองเดียวกับที่เราได้เห็นมันเกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา?

 

ที่พำนักของประธานองคมนตรีต้องได้รับการคุ้มครองเป็นกรณีพิเศษและห้ามไม่ให้มีการรบกวนใดๆ มีคนเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่จะตั้งข้อสงสัยต่อมติดังกล่าว และในฐานะประชาชนพลเมืองไทยคนหนึ่ง การขว้างก้อนหินหรือของแข็งเข้าใส่ที่พักอาศัยหรือผู้บริสุทธิ์ที่ยืนสังเกตุการณ์อยู่ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะควรอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้น สังคมยังต้องเผชิญกับความจริงของสถานการณ์ดังกล่าวด้วยว่า การแบ่งแยกและดูถูกกลุ่มคนที่รวมตัวกันด้วยจุดมุ่งหมายทางการเมืองที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่นั้นมีอยู่จริง แต่นี่ไม่ใช่การจะมาบอกว่าฝูงชนที่รวมตัวกันประท้วงควรได้รับอนุญาตให้เคลื่อนไหวเสมอไป และไม่ใช่การบอกว่าพวกเขาสมควรถูกสลายการชุมนุมด้วยวิธีการอันรุนแรงเช่นกัน

 

การสร้างมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมจะช่วยในการดำเนินงานทางด้านนโยบาย เช่น เมื่อหลายเดือนก่อนนักกิจกรรมทางสังคมที่ต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินรวมตัวปิดกั้นการประชาพิจารณ์์เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะของชุมชนที่มีต่อการสร้างโรงไฟฟ้า วิธีการจัดการรับมือกับผู้ชุมที่สุขุมรอบคอบและไม่เลือกปฏิบัติยังจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศในการดำเนินโครงการพัฒนาอื่นๆ อีกด้วย

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ บางทีอาจเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป เมื่อยังมีเรื่องหนึ่งซึ่งต้องตระหนักว่า เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ได้รับคำสั่งให้ควบคุมการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม และบางครั้งพวกเขาก็ติดตามกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยวัตถุประสงค์อื่นๆ เหมือนอย่างที่กองทัพเคยช่วงชิงอำนาจจากกลุ่มพันธมิตรมาแล้ว โดยการใช้ประโยชน์จากกลุ่มผู้ชุมนุมนับแสนคน (ตามจำนวนที่กล่าวอ้าง) ที่ชุมนุมต่อต้านทักษิณ มาเป็นเหตุผลในการทำรัฐประหาร

 

หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากองทัพคงมีการวางแผนที่ดีกว่านี้สำหรับแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านเผด็จการ ในฐานะที่เราขยับเข้าใกล้วันอันตรายทางการเมือง เช่น วันลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งเข้าไปทุกที

 

หวังว่าเมื่อถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่พูดและทำกันมาตลอดทั้งปีนี้ จะทำให้ประเทศนี้หาหนทางที่จะปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมทุกกลุ่มอย่างยุติธรรมโดยปราศจากการฉวยโอกาสได้เสียที

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท