สาระสำคัญของประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 (แก้ไขประกาศ คปค.ฉบับที่ 23)

สาระสำคัญของประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 ซึ่งเป็นการแก้ไขประกาศ คปค.ฉบับที่ 23 มีใจความสำคัญในข้อ 5 ที่ระบุว่า ให้คณะกรรมการตรวจสอบ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ 1.ตรวจสอบการดำเนินงาน หรือโครงการ ซึ่งได้รับอนุมัติ หรือเห็นชอบโดยบุคคลในคณะรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่ง โดยผลของการปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นไปโดยทุจริต หรือประพฤติมิชอบ 2.ตรวจสอบสัญญา สัญญาสัปทาน หรือการจัดซื้อ จัดจ้าง ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่า จะมีการกระทำที่เอื้อประโยชน์ต่อเอกชนโดยมิชอบ หรือมีการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย หรือมีการกระทำที่ทุจริต หรือประพฤติมิชอบ

 

3.ตรวจสอบการปฏิบัติราชการใดๆ ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการดำเนินการที่มิชอบด้วยกฎหมาย หรือมีการกระทำที่ทุจริต หรือประพฤติมิชอบ 4.ตรวจสอบการกระทำใดๆ ของบุคคลที่เห็นว่า เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือหลีกเลี่ยงกฎหมายว่าด้วยภาษีอากรอันเป็นการกระทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ในกรณีที่เห็นว่า การดำเนินการในเรื่องที่ตรวจสอบ มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำทุจริต หรือประพฤติมิชอบ หรือมีพฤติการณ์ว่า มีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการทุจริต หรือประพฤติมิชอบ หรือร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ให้คณะกรรมการตรวจสอบมีอำนาจสั่งยึด หรืออายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องของผู้นั้น คู่สมรส และบุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะของผู้นั้นไว้ก่อนได้ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการตามประกาศนี้

 

นอกจากอำนาจตามวรรคหนึ่ง ให้คณะกรรมการตรวจสอบมีอำนาจตามกฎหมายดังต่อไปนี้ด้วย 1.พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบใช้อำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และคณะกรรมการธุรกรรม 2.พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบ ใช้อำนาจของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 3.ประมวลรัษฎากร โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบ ใช้อำนาจของอธิบดีกรมสรรพากร เฉพาะที่เกี่ยวกับการยึด อายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สิน

 

นอกจากนี้ ในข้อ 7. ระบุด้วยว่า ในกรณีที่บุคคลซึ่งถูกยึด หรืออายัดทรัพย์สินตามข้อ 5 ไม่แจ้งข้อมูล หรือไม่ส่งมอบทรัพย์สินที่ถูกยึด ยักย้าย จำหน่าย หรือจ่ายโอนทรัพย์สินที่ถูกอายัด ให้ถือว่าทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่ชอบ และเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ หรือเพิ่มขึ้นผิดปกติ หรือเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท