Skip to main content
sharethis



ที่มาของภาพ : คุณมังกรดำ/pantip.com ห้องราชดำเนิน


10 มิ.ย. 50 - วานนี้ (9 มิ.ย. 50) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) นัดประชุมแกนนำกลุ่มแนวร่วม เพื่อวางแผนการขับไล่ คมช. โดยมีเหล่าแกนนำและอดีตนักการเมืองเข้าร่วมคับคั่ง ราว 100 คน อาทิ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ นายประสพ บุษราคัม นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีต ส.ส.ไทยรักไทย นายชินพร ศรียากูล รอง ผอ.กลุ่มมัชฌิมา นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำพีทีวี นายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชน นายสุวิทย์ หาทอง แกนนำกลุ่มแรงงาน นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ จากสหภาพครูแห่งชาตินอกจากนี้ยังมีนักวิชาการและอาจารย์มหาวิทยาลัยเข้าร่วมด้วย อาทิ ดร.สุทธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.ดร.พิชิต ลิขิตสมบูรณ์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยการเข้าประชุมครั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าฟังแต่อย่างใด


ตั้งแกนนำ นปก. 7 คน มานิตย์นั่งประธาน


หลังการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง นพ.เหวง โตจิราการ ให้สัมภาษณ์ว่า มติที่ประชุมให้มีการตั้งแกนนำ นปก. ทั้งหมด 7 คน คือ นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา เป็นประธานแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำพีทีวี นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย โฆษกกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ นพ.เหวง โตจิราการ จากสมาพันธ์ประชาธิปไตย นายชินวัฒน์ หาบุญพาด เจ้าของสถานีวิทยุชุมชนคนรักแท็กซี่ และนายชูพงษ์ ถี่ถ้วน เจ้าของสถานีวิทยุชุมชน 87.75


ทั้งนี้ การขับเคลื่อนของ นปก.จะอยู่ภายใต้การตัดสินใจของกรรมการทั้ง 7 คน คาดว่าหลังจากนี้จะทำให้การขับไล่ คมช.เข้มข้นมากยิ่งขึ้น และแม้ว่าจะมีเวทีไล่ คมช.ที่สนามหลวง แต่ นปก.จะแยกกันเคลื่อนไหวแบบจรยุทธ์ทางการเมือง อาทิ วันที่ 11 มิ.ย.จะไปชุมนุมหน้ารัฐสภา เพื่อเผา รธน.ฉบับเผด็จการ และแสดงละครล้อเลียน วันที่ 17 มิ.ย. จะมีการจัดเสวนาเพื่อแสดงออกถึงการเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นต้น


ชูธงไม่เอารัฐประหาร เอา ปชต.คืนมา ชอบ-ไม่ชอบทักษิณร่วมทางได้


นพ.เหวง ยังกล่าวด้วยว่า แม้กลุ่มคนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ ซึ่งเป็นกลุ่มของอดีต ส.ส. ไทยรักไทย เข้าร่วมกับ นปก.ด้วย แต่ผู้ที่ขึ้นมาแสดงความคิดเห็นหลังจากนี้ จะมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งยังติดต่อกับอาจารย์ ธรรมศาสตร์ ที่ออกมาคัดค้านคำตัดสินของคณะตุลาการในคดียุบพรรคการเมือง ให้มาร่วมปราศรัย


พร้อมยอมรับว่า การรวมตัวกับพีทีวี และ ส.ส.ไทยรักไทยครั้งนี้ อาจจะถูกมองว่าอุดมการณ์ของทางกลุ่มเอ็นจีโอเปลี่ยนแปลงไป แต่ยืนยันว่าการเข้าร่วมในครั้งเกิดขึ้นหลังจากที่พีทีวี เปลี่ยนอุดมการณ์มาเป็นการขับไล่เผด็จการแล้ว และแนวทางไม่ใช่เรียกร้องเพื่อให้ทักษิณกลับมา ดังนั้น คนที่ไม่ชอบทักษิณก็สามารถมาร่วมเวที นปก.ได้ จึงไม่ใช่การละทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตย แต่เป็นไปเพื่อล้มล้างกลุ่มที่ทำรัฐประหาร และนำประชาธิปไตยกลับคืนมา และเนื่องจากแกนนำหลายคนล้วนเคยอยู่ในการชุมนุมไล่เผด็จการ สมัยพฤษภาทมิฬ ดังนั้น การชุมนุมและการเคลื่อนขบวน นปก.ครั้งนี้ จึงวางแผนไว้ว่า ถ้าเจอการขัดขวางของทหารที่ไหน ก็จะหยุดขบวนอยู่แค่นั้น โดยไม่ให้มีการปะทะให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง หรือการนองเลือดซ้ำรอย สมัยพฤษภาทมิฬ นพ.เหวงกล่าว


ตำรวจระดม 3 กองร้อยตรวจอาวุธม็อบสนามหลวง


ส่วนที่ท้องสนามหลวง บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก.ที่ต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 8 คึกคักขึ้น ตั้งแต่เวลา 17.30 น. โดยทางกลุ่ม นปก.ย้ายเวทีการปราศรัย จากสนามหลวงทิศใต้ ไปตั้งติดกับถนนเส้นกลางท้องสนามหลวง หันหลังเวทีให้วัดพระแก้ว เปิดพื้นที่การชุมนุมให้สามารถจุประชาชนได้มากขึ้น สำหรับการรักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่ชุมนุมเข้มข้นเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังเพิ่ม รับมือการเคลื่อนขบวนของม็อบถึง 3 กองร้อย หรือ 450 คน โดยกระจาย กำลังตรวจตราประตูทางเข้า ป้องกันการนำอาวุธเข้ามาในบริเวณ นอกจากนี้ ยังมีการนำรถตัดสัญญาณโทรศัพท์มาจอดไว้ ป้องกันการจุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือด้วย ขณะเดียวกัน ที่ด้านหลังเวที ซึ่งเดิมเคยเป็นที่รวมตัวกันของกลุ่มอดีต ส.ส.ไทยรักไทยนั้น มี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ผู้ประสานงานกลุ่มคนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ ภาคกลาง มาอยู่ที่หลังเวทีในช่วงเย็น


ทั้งนี้ เหล่าแกนนำ นปก.ได้ขึ้นเวทีกล่าวโจมตี คมช.กันเร็วกว่าปกติ เพื่อเตรียมขอมติประชาชนเคลื่อนขบวนไปที่หน้ากองทัพบก ในเวลา 20.00 น.


หนึ่งทุ่มชุมนุมเข้ม แกนนำเตรียมรถนำขบวน


ส่วนบรรยากาศการปราศรัย ตั้งแต่เวลา 19.00 น.เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุม พร้อมเปล่งเสียงตะโกนขับไล่ คมช.ดังลั่นท้องสนามหลวง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลรายงานจำนวนยอดผู้ชุมนุมช่วงค่ำอยู่ที่ประมาณ 5 พันคน และส่วนใหญ่ผู้ที่มาร่วมนั้นจะมาเป็นกลุ่มๆ เพื่อรอการประกาศเคลื่อนขบวนไปยังหน้ากองทัพบก


ขณะที่ทีมงานของนปก.ได้เตรียมรถบรรทุก 6 ล้อ ติดเครื่องกระจายเสียง เพื่อนำหน้าการเคลื่อนขบวน เตรียมไว้จำนวน 2 คัน นอกจากนี้ ยังนำรถกระบะติดเครื่องปันไฟเตรียมไว้อีก 1 คันด้วย


จตุพรขำ กกต.จะเชิญ พล.อ.เปรมพรีเซนเตอร์เลือกตั้ง


ทั้งนี้ นายจตุพร พรหมพันธ์ ขึ้นปราศรัยว่า คงไม่อาจจะนั่งนิ่งเฉยอยู่ที่ท้องสนามหลวงได้ คืนนี้แกนนำของ นปก.ทั้ง 7 คน จะขึ้นมาสอบถามความสมัครใจของประชาชนอีกครั้งว่า จะร่วมกันเดินไปขับไล่ คมช.ที่หน้ากองทัพบกหรือไม่คืนนี้ เนื่องจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของ คมช.นั้น ไม่แตกต่างกับเผด็จการสมัยก่อนเลย มีการส่งทหารไปติดตามคุกคามประชาชน อีกทั้งยังมีการจัดการเลือกตั้งที่เป็นเผด็จการ ขอยืนยันว่าไม่มีประชาธิปไตยที่ไหน ที่จะได้มาจากเผด็จการฟรีๆ แต่จะมาจากการต่อสู้ของพี่น้องประชาชน ดังนั้น ภารกิจในคืนนี้จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องจัดการ คมช. เพื่อให้เป็นเผด็จการชุดสุดท้าย


แกนนำ นปก.ยังได้กล่าวถึงการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เตรียมนำ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการรณรงค์การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในครั้งต่อไปว่า เป็นเรื่องที่น่าหัวเราะ ที่ กกต.คิดออกมาได้ เพราะ พล.อ.เปรมไม่เคยเป็นนายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง จะมาเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตยได้อย่างไร ขณะนี้ พล.อ.เปรมไม่อยู่ในใจของคนไทยอีกต่อไปแล้ว เพราะเลือกที่จะไปอยู่ข้างเดียวกับผู้ที่ก่อการรัฐประหาร การยึดอำนาจที่ผ่านมานั้น เป็นเครื่องยืนยันได้ชัดว่า พล.อ.เปรมไม่เคยละกิเลสทางการเมือง แม้ว่าจะเคยบอกว่าพอแล้ว ไม่เป็นนายกฯแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกฯ ยังคงฝักใฝ่ทางการเมืองเสมอ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเป็นถึงประธานองคมนตรี ที่จะต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง วันนี้คงไม่ต้องบอกว่า ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญคือใคร คนไทยทั้งประเทศก็รู้อยู่แก่ใจกันแล้ว


ณัฐวุฒิบอกจะจับ 5 เสือ ทบ.ไม่เกินเที่ยงคืน 24 มิ.ย.


จากนั้น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจักรภพ เพ็ญแข 2 แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ ขึ้นเวทีปลุกเร้าประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกว่าหมื่นคน ให้เตรียมพร้อมเดินทางไปขับไล่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.และคณะให้พ้นจากตำแหน่ง สร้างความคึกคักให้กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นจำนวนมาก


นายจักรภพกล่าวว่า หมดเวลาของพวก คมช.แล้ว พวกเราจะเดินไปขับไล่พวกนี้ให้ออกจาก บก.ทบ. เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของเราจะกลับมา ขณะที่นายณัฐวุฒิกล่าวเสริมว่า จะให้เวลา 5 เสือ ทบ. ไม่เกินเที่ยงคืนวันที่ 24 มิ.ย. ในการตัดสินใจลาออกไปเอง มิเช่นนั้นพี่น้องประชาชนจะเข้าไปจับตัวทั้งหมดออกมาจาก บก.ทบ. เชื่อว่า เมื่อถึงเวลานั้นจะมีนายทหารหลายคนที่ไม่พอใจ พล.อ.สนธิออกมาร่วมเคลื่อนไหวต่อสู้กับประชาชนด้วย


7 แกนนำลงมติเคลื่อนขบวนไป กองบัญชาการ ทบ.


กระทั่งเวลา 20.30 น. แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ ทั้ง 7 คน ได้หารือกันบริเวณด้านหลังเวทีปราศรัย โดยมีข้อตกลงเป็นทางการว่า จะนำประชาชนเคลื่อนขบวนไปยังที่หน้ากองทัพบก ทั้งนี้ นพ.เหวง โตจิราการ หนึ่งในแกนนำกล่าวว่า เหตุผลที่ต้องการเคลื่อนขบวนในครั้งนี้ เพราะสถานการณ์เริ่มสุกงอมแล้ว และดูจากปฏิกิริยาของประชาชนที่มาร่วมชุมนุม นปก.จึงพร้อมที่จะเคลื่อนขบวน โดยจะมีรถกระจายเสียง 4 คัน เป็นตัวหลักในการควบคุมประชาชน ทั้งจะใช้หลัก 3 ประการ คือ ไม่โกรธ ไม่ตอบโต้ ไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งก่อนที่จะเดินขบวนนั้น จะมีการชวนประชาชน ประกาศเจตนารมณ์ ร่วมกันก่อน เพื่อป้องกันเหตุความรุนแรง ส่วนจะปักหลักที่หน้า ทบ.หรือไม่ขึ้นอยู่ที่สถานการณ์


จวก ตลก.รธน. รับใช้เผด็จการ


จนเวลา 21.00 น. เหล่าแกนนำกลุ่ม นปก. ขึ้นเวทีปราศรัยอีกครั้ง โดยนายวีระได้อ่านแถลงการณ์จุดยืนของ นปก.ที่จะขับไล่ คมช. และผลผลิตทั้งหมดของเผด็จการ ขณะที่นายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา หนึ่งในแกนนำ ระบุว่า การรัฐประหารในอดีตไม่เคยมีครั้งไหนที่มีคณะตุลาการไปให้การสนับสนุนเท่าครั้งนี้ ทั้งที่ในตำราก็ไม่เคยบอกว่าให้เรียนจบมารับใช้เผด็จการ เพราะฉะนั้น ตุลาการที่รับใช้ คมช. ไม่ได้ เพียงแค่จะต้องปลด แต่จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยและอยากถามว่า การที่ตนมาร่วมแล้วหากจะต้องถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกับไทยรักไทย จะผิดตรงไหน


ครบรอบสวรรคต ร.8 จักรภพเรียกร้องอัดประชาธิปัตย์ฐานใส่ร้ายปรีดี


นายจักรภพ เพ็ญแข ได้ขึ้นเวทีปราศรัยตอกย้ำว่า การรัฐประหารที่ผ่านมา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง


"วันนี้เป็นวันครบรอบสวรรคตของรัชการที่ 8 ซึ่งในครั้งนั้นพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนในการใส่ร้ายป้ายสีนายปรีดี พนมยงค์ และในการรัฐประหารครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ประโยชน์ จึงอยากให้ผู้ที่มาชุมนุมให้พ่วงพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปกับการขับไล่ คมช.ด้วย" นายจักรภพ กล่าว และยังได้เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไล่นายสุรพล นิติไกรพจน์ ออกจากการเป็นอธิการบดี มีเช่นนั้นแล้วทางผู้ชุมนุมจะพ่วงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไปในการขับไล่ คมช.อีกด้วย


พร้อมกันนี้ นายจักรภพ ยังได้กล่าวโจมตีตุลาการรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทย และเพิกถอนสิทธิทางการเมือง111กรรมการบริหารพรรค 5 ปี ว่า เป็นตุลาการเผด็จการและขนานนามว่าเป็นตุลาการสวะอีกด้วย


ได้ฤกษ์ 3 ทุ่ม เคลื่อนขบวนไปกองทัพบก


ต่อมา นพ.เหวงได้ขึ้นประกาศเชิญชวนประชาชนให้เคลื่อนขบวนไปที่หน้า บก.ทบ. เพื่อขับไล่ คมช. โดยขอให้มีการตะโกนคำปฏิญาณพร้อมกันคือไม่โกรธ ไม่ตอบโต้ ไม่ใช้ความรุนแรง จากนั้นบรรดาแกนนำ นปก. ทั้ง 7 คน กระจายเสียง 6 ล้อ เคลื่อนขบวนออกจากท้องสนามหลวง จากถนนเส้นกลางเพื่อมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย โดยมีบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของพีทีวี ซึ่งเป็นนักศึกษาจากรามฯ จำนวน 500 คน ได้จับมือประสานล้อมรถของแกนนำเอาไว้ ป้องกันไม่ให้มีผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในบริเวณ


รวมตัวหน้าศาลฎีกาก่อนเคลื่อน แต่ถูกสกัดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย


เวลา 21.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินมารวมตัวกันที่หน้าศาลฎีกา โดยมีการปิดการจราจรฝั่งขาเข้า ทั้งนี้ประชาชนนับหมื่นคนได้ใช้ผ้าสีเหลืองมีคำว่า คมช.ออกไปโพกหัวเป็นสัญลักษณ์ พร้อมถือธงเหลืองมีข้อความว่า คมช.ออกไป และเริ่มเดินเท้าออกจากสนามหลวง โดยมีรถจักรยานยนต์ประมาณ 30 คัน ขับนำหน้ามุ่งตรงมายังถนนราชดำเนินกลาง ขณะที่แกนนำ นปก. ได้ยืนปราศรัยปลุกเร้าประชาชนอยู่บนรถ ซึ่งอยู่ที่กลางขบวน


ใน เวลา 22.00 น. นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้เคลื่อนขบวนออกจากท้องสนามหลวงแล้ว โดยหัวขบวนอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณศึกษาภัณฑ์พาณิชย์ ขณะที่มีแผงเหล็กและกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลยืนแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งถือโล่ปิดกั้น พร้อมวางแผงเหล็กและโล่ควบคุมฝูงชนสกัดกั้นไว้ทั้ง 2 ฝั่งไม่ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนต่อไปยังกองบัญชาการกองทัพบก


ขบวนจึงหยุดที่ด้านหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาราชดำเนิน พร้อมกันนี้รถเครื่องเสียงของแกนนำก็ได้เคลื่อนมาจากด้านท้ายของขบวนมาอยู่ที่ด้านหน้าแทน ก่อนที่จะเปิดปราศรัยขอให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบ และขอให้ผู้ชุมนุมลงนั่งบนพื้นถนน จากนั้นได้มีการส่งแกนนำไปเจรจากับตำรวจขอให้เปิดทางให้แก่กลุ่มผู้เดินขบวน




ที่มาของภาพ : คุณมังกรดำ/pantip.com ห้องราชดำเนิน



ที่มาของภาพ : คุณมังกรดำ/pantip.com ห้องราชดำเนิน


ใช้รถฝ่าด่าน ตำรวจหนีกระจาย ผู้ชุมนุมกราบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อนเดินต่อ


ระหว่างที่ขบวนของผู้ชุมนุมถูกสกัดกั้นที่หน้าศึกษาภัณฑ์ ทางแกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งประกอบด้วยนพ.เหวง โตจิราการ นายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ นายจตุพรพรหมพันธุ์ ได้เข้าเจรจากับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ขอให้ เปิดทาง ระหว่างนั้นกลุ่มรักษาความปลอดภัยของ นปก. ได้คล้องแขนผู้ชุมนุมไม่ให้เข้ามาปะทะ พร้อมกับตะโกนขอให้ผู้ชุมนุมทั้งหมดนั่งลงกับพื้นแต่ไม่ได้ผล กระทั่งสถานการณ์เริ่มตึงเครียด ทางกลุ่ม นปก.ได้นำรถข่าวของสถานีโทรทัศน์พีทีวี ขับเข้าดันรั้วแผงเหล็กเบาๆ พร้อมกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่โกรธแค้นตำรวจที่มาขัดขวาง ได้ฮือเข้าไปพังรั้วเหล็กและมีการขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จนกำลังตำรวจต้องแตกฮือวิ่งหนีกระจายไปที่สะพานผ่านฟ้า ผู้ชุมนุมยังได้โห่ร้องเสียงดังสนั่น และก่อนที่จะเดินออกไปจากจุดนี้ผู้ชุมนุมได้ก้มลงกราบอนุสาวรีย์ ประชาธิปไตยก่อนออกเดินต่อไป


เจออีกด่านสกัดอีกที่หน้ากระทรวงเกษตรฯ มียิงแก๊สน้ำตา


หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนจากถนนราชดำเนินกลางเข้าสู่ถนนราชดำเนินนอก โดยมีนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว ขึ้นรถกระจายเสียงแล่นนำหน้าผู้ชุมนุม จนถึงบริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 350 นาย ประกอบด้วยนครบาลและปราบจลาจล ได้ตั้งแถวสกัดโดยการนำรั้วเหล็กมาขวางถนนทั้งสองฝั่งเอาไว้


ระหว่างนี้ทางตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชน ทำให้บางส่วนที่ถูกแก๊สน้ำตาเกิดอาการไอจามเสียกระบวนไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังคงเดินหน้าต่อพร้อมตะโกนเสียงดังลั่น มุ่งหน้าสู่กองบัญชาการกองทัพบกแกนนำได้ประกาศบนรถขอให้ตำรวจเปิดทางและอย่าใช้อารมณ์กับผู้ชุมนุม หลังจากเจรจาเพียงครู่เดียว ตำรวจก็ได้เปิดทางให้ผู้ชุมนุมผ่านได้โดยสะดวก


ปักหลักยึดพื้นที่ถนนหน้าทัพบก


เวลา 22.20 น. ขบวนผู้ชุมนุมได้เดินทางถึงหน้ากองทัพบก ขณะนั้นมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งนำแผงเหล็กมากั้น ที่ถนนคู่ขนานด้านในหน้ากองทัพบก ปรากฏว่าผู้ชุมนุมได้ฮือเข้าพังและพยายามกรูเข้าประตู โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถอยกำลังออกมา ทำให้ผู้ชุมนุมยึดพื้นที่ไว้ได้ที่บริเวณหน้าสนามมวยราชดำเนิน ทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก เป็นที่น่าสังเกตว่าบริเวณภายในกองทัพบกได้มีกำลังทหารกระจายกำลังอยู่นับร้อยนาย แต่ได้มีการปิดไฟภายในอาคารทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถมองเห็นสังเกตการณ์ด้านในได้ และทันทีที่รถกระจายเสียงของแกนนำ นปก.ได้เคลื่อนมาถึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้มีการประกาศให้ผู้ชุมนุมทั้งหมด ไม่ให้ปีนเข้าไปในกองทัพบกและให้ถอยออกมานั่งปักหลักอยู่ที่ถนนราชดำเนิน


ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 ได้นำตำรวจประมาณ 100 นาย พร้อมโล่ควบคุมฝูงชนปิดประตูทางเข้าหน้ากองทัพบกเอาไว้ และยังได้ นำรถฉายไฟเคลื่อนที่ของตำรวจนครบาลมาให้แสงสว่างให้กลุ่มผู้ชุมนุม


โฆษก คมช. ออก จส.100 ชี้แค่รอ "ประกาศฉุกเฉิน" ทหารปฏิบัติภารกิจได้


ขณะที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงกองบัญชาการกองทัพบกนั้น พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวทางสถานีวิทยุ จส.100 ว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายขบวนออกจากสนามหลวงมาเจอกับแนวสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีเพียงโล่ป้องกันและไม่มีอาวุธ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่พยายามใช้เครื่องขยายเสียงเจรจาให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมอธิบายสถานการณ์บ้านเมืองที่มีความบอบช้ำพอสมควร รวมทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมสามารถชุมนุมปราศรัยอย่างไรก็ได้ แต่การเคลื่อนขบวนจะทำให้ประสบปัญหาต่อสาธารณะทั่วไป


โฆษก คมช.กล่าวต่อว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายและความรุนแรงขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมแถวหน้าพยายามใช้รถจักรยานยนต์ ประมาณ 10-20 คัน ชนเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการยั่วยุ พร้อมยกแผงเหล็กทุ่มใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับบาดเจ็บพอสมควร อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการกำชับว่า ผู้ชุมนุมทุกคนเป็นคนไทย แต่มีการแสดงความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม ทำให้ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ส่วนกำลังทหารขณะนี้ยังอยู่ในที่ตั้ง ไม่ได้ออกปฏิบัติภารกิจแต่อย่างใด รอเพียงมีการประกาศภาวะฉุกเฉินจึงจะสามารถออกปฏิบัติภารกิจได้


พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมที่เคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมาอยู่ด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก มีประมาณ 14,000-15,000 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การดูแลรักษาความปลอดภัย แต่กลับยั่วยุ และถูกทำร้ายเล็กๆ น้อยๆ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พร้อมรองรับอารมณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยจะพยายามรักษาเส้นความพอดีของกฎหมายให้ถึงที่สุด


และเมื่อเวลาประมาณ 23.15 น. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ได้ให้สัมภาษณ์สดเพื่ออธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 อีกครั้ง โดย พ.อ.สรรเสริญซึ่งสวมหมวกแบร์เรต์สีดำและมีสีหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัดให้สัมภาษณ์ว่าผู้ชุมนุมใช้ถ้อยคำหยาบคาย และมีเพียง 2,000 คน ส่วนทหารพร้อมจะปฏิบัติภารกิจ แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และเราคงต้องทำตามเสียงประชาชนส่วนใหญ่ คงมาตอบสนองกลุ่มผู้เรียกร้องไม่ได้ทุกประเด็น


เรียกร้องประธาน คมช. ออกมาเจรจา


ขณะที่ เมื่อเวลา 23.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเดินทางถึงบริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบกแล้ว โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้เปิดเวทีปราศรัยโจมตี คมช. พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ออกมาเจรจา มิฉะนั้นแล้วจะดำเนินการขั้นต่อไป


โดย นายวีระ มุสิกพงศ์ ประธานบริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี กล่าวว่า ให้เวลา พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รวมทั้ง คมช.ทุกคนลาออกภายใน 7 วัน


นายวีระกล่าวว่าเราไม่ได้มาชวนทะเลาะวิวาทกับใคร เราจะไม่ไปล้ำลอดเขตรั้วของ กอง บก.ทบ. เพราะเจ้าของบ้านเขาไม่ต้อนรับ เราจะนั่งรอที่นี่ เราจะเป็นแขกที่ดี เป็นประชาชนที่ดี


มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ คมช. 8 คนเท่านั้นที่เอาอำนาจไปจากประชาชน ทหารที่เหลือเป็นกองทัพแห่งชาติที่มีจุดยืนเดียวกับประชาชน เราขอเจรจากับคน 8 คน ที่ใช้ชื่อว่า คมช เรารักสันติ ไม่พกพาอาวุธ เรามาบอกท่านว่า คมช. ออกไป คมช. ออกไป


ทำไมต้องให้ คมช ออกไป เราต้องทำความเข้าใจกับคน 8 คนที่เป็น คมช. ว่ามายึดอำนาจวันที่ 19 ก.ย. 2549 นั้นผิด กม. ขอให้สนธิ บุญยรัตกลินคิด 7 วัน แล้วจะกลับมาทวงใหม่ ด้วยกำลังประชาชนที่มากกว่าเดิมหลายเท่า และขอส่งเสียงไปถึงสพรั่ง กัลยาณมิตรที่บัญชาการอยู่สนามม้านางเลิ้ง ขอให้มาด้วยตัวเอง หรือ พล.อ.สนธิ ที่อยู่กองทัพภาคที่ 1 ถ้าเป็นชายชาติทหารก็ให้มาเจรจาตรงไปตรงมา อย่างวิญญูชน


ทั้งนี้แกนนำผู้ชุมนุมให้เวลาตัวแทน คมช. 1 ชั่วโมง มารับข้อเรียกร้องดังกล่าว หากมารับข้อเรียกร้องกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางกลับสนามหลวง หากไม่มีการรับข้อเรียกร้องดังกล่าวจะปักหลักหน้ากองบัญชาการกองทัพบกต่อไป เมื่อถึงเวลา 7 วันตามกำหนด คมช.ยังไม่ลาออก จะเคลื่อนขบวนกลับมาทวงคำตอบอีกครั้ง


มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ปราศรัย แนะ ปธ.คมช.สารภาพประชาชน


ต่อมามานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย โดยนายมานิตย์กล่าวว่าขออนุญาตนั่งปราศรัยเนื่องจากอายุมากแล้ว เดินทางมันเมื่อย และกล่าวว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย รัชกาลที่ 7 ทรงพระราชทานให้ปวงชนชาวไทยและรับสั่งว่าอย่าเอาไปให้ใครคนใดคนหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไปใช้ ขอให้เหมือนนานาอารยประเทศ


และนายมานิตย์กล่าวถึงทหารที่ทำการยึดอำนาจว่า ท่านเป็นทหาร อาชีพคือป้องกันอาณาเขต ท่านคิดว่าท่านฉลาดรู้หมดว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่มันไม่เหมือนบริหารทหารหรอกครับ ทหารเขาฝึกให้ฟังคำสั่งอย่างเดียว แต่เดี๋ยวนี้โลกเราเข้าสู่ยุค Globalization (โลกาภิวัตน์) แล้ว การสื่อสารไร้พรมแดน ทุกคนที่มาชุมนุมมีมือถือ เขาจะส่งข่าวบอกพี่เขา น้องเขา และกล่าวว่าหาก พล.อ.สนธิ ออกมา อาจารย์มานิตย์จะทำให้ท่านสนธิหาทางลงได้ เพียงแต่ท่านสารภาพกับประชาชน


พ.อ.อภิวันท์ปราศรัยแนะสนธิแก้ดวงตัวเอง อย่ายุ่งแก้ดวงเมือง


ต่อมา พ.อ.ดร.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีต ส.ส.นนทบุรี ปัจจุบันผู้ประสานงานภาคกลาง "กลุ่มคนรักทักษิณไม่เอาเผด็จการ" ขึ้นปราศรัย โดยถามผู้ชุมนุมว่าเราจะมาปราบกบฏใช่หรือไม่ และกล่าวว่าเรื่องการแก้ดวงเมืองเป็นเรื่องของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินไม่ควรทำ


เรื่องดวงเมือง สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงวางดวงเมืองไว้ให้พสกนิกรของพระองค์อยู่ดีมีสุข กินดีอยู่ดี ดังนั้นจึงฝากบอก พล.อ.สนธิว่า ดวงเมืองไม่ต้องแก้ แก้แต่ดวงของมึงนั่นแหละ และบอกให้ประธาน คมช. ออกมาสารภาพบาปกับพี่น้อง เดี๋ยวนี้ แล้วยินดีออกไป พี่น้องประชาชนจะให้อภัย พ.อ.อภิวันท์กล่าว


นอกจากนี้ในช่วงหนึ่ง ได้มีแกนนำกล่าวปราศรัยว่า ให้เอาเครื่องประหารหัวสุนัขมา ประชาชนจะตัดสินแล้ว


พ.อ.สรรเสริญอีกครั้ง ยัน คมช.ทำตามข้อเรียกร้องไม่ได้ บ้านเมืองมีกติกาชัดเจนแล้ว


ต่อมาช่วงประมาณเที่ยงคืน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี อีกครั้งว่าเหลือ 2,000-3,000 คน เจ้าหน้าที่พยายามปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ป้องกันทุกวิถีทางไม่ให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น เชื่อว่าเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมอารมณ์เย็นขึ้น จะมีการยื่นข้อเสนอผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป


โฆษก คมช. กล่าวว่า การปฏิบัติทั้งหมดเป็นไปตามแผนพิทักษ์ 1 กำลังทหารจะออกมาเมื่อมีการออกประกาศ พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 แล้ว เท่านั้น จากการติดตามข้อมูลจากกลุ่มผู้ชุมนุมทราบว่า มีข้อเรียกร้อง อาทิ ชู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกรัฐมนตรี เป็น ผู้นำในปัจจุบัน และอนาคตต่อไป และขับไล่ คมช. ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คมช.ไม่สามารถทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าวของกลุ่มผู้ชุมนุมได้ เนื่องจาก ขณะนี้มีกติกาบ้านเมืองทางออกที่ชัดเจนแล้ว ที่จะมีการลงประชามติรัฐธรรมนูญ และกำหนดเลือกตั้งในปลายปีนี้


"คมช.ออกไปในตอนนี้จะมีหน่วยงานไหนประคับประคองบ้านเมืองไปสู่สถานการณ์ช่วงการเลือกตั้งในวันข้างหน้า ประชาชนทั้งประเทศยอมได้หรือไม่ หากจะให้ใครที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องกลับมา ปัญหาก็จะย้อนกลับไปเช่นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เช่นเดิม คมช.จึงไม่สามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้องได้" โฆษก คมช.กล่าวและว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ถือเป็นเกมการเมือง เพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ขณะนี้ ได้มีการยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ฉบับที่ 15 อนุญาตให้พรรคการเมืองดำเนินการทางการเมืองได้เต็มที่ เชื่อว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ จะมีการเปิดตัวพรรคการเมือง และสถานการณ์ทั้งประเทศจะดีขึ้น


ทั้งนี้ พ.อ.สรรเสริญยังได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 อีกครั้ง โดยมีเนื้อหาคล้ายกับที่ให้สัมภาษณ์ทีไอทีวี


"อาจารย์โต้ง" แจมสังเกตการณ์หวิดถูกม็อบฮือ


ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 00.15 น.ที่ผ่านมา ขณะที่แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีชั่วคราวบนรถหกล้อปราศรัยอยู่นั้น ได้มีการตั้งอีกเวทีของกลุ่มพิราบขาว 2006 เพื่อปราศรัยโจมตี คมช.อยู่ใกล้ๆ กัน นำโดย นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล


ระหว่างนั้น "อาจารย์โต้ง" หรือ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีต ส.ว.นครราชสีมา ซึ่งเคยร่วมปราศรัยขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินผ่าน นายนพรุจมองเห็นจึงได้ประกาศบนเวทีว่ามีคนเข้ามาก่อกวน กลุ่มผู้ชุมนุมได้วิ่งกรูกันเข้าไปหานายไกรศักดิ์ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ากันไว้ได้ทัน จึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้ร่วมชุมนุมบางคนตามไปด่าทอนายไกรศักดิ์ด้วยคำพูดที่หยาบคาย


นายไกรศักดิ์ ได้กล่าวว่า ตนเดินทางมาดูการชุมนุมเพื่อสังเกตการณ์และรับฟังเหตุผลของการชุมนุมเท่านั้น เพราะรู้ว่าคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญ ทำให้นักการเมืองไม่พอใจและจัดการชุมนุมขึ้นมา ตนจึงมาฟังเพื่อจะรู้ว่าเขาพูดอะไร และรู้ว่าพวกเขาเสียใจ ก็อยากมาฟังเหตุผลเท่านั้น


ขณะเดียวกัน มีกลุ่มประชาชนกลุ่มหนึ่งที่เดินทางออกจากบริเวณหน้า บก.ทบ.ไปยังหน้าสำนักงานสหประชาชาติ ซึ่งมีตำรวจและทหารตรึงกำลังอยู่อย่างไม่ทราบจุดประสงค์ แกนนำบนรถจึงได้ประกาศให้เดินทางกลับมา


วีระขึ้นเวทีนำกลับสนามหลวง เอา 14 ตุลาเตือนสติให้กลับบ้านเป็นระเบียน


เมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. นายวีระ มุกสิกพงศ์ ขึ้นกล่าวปราศรัยระบุว่า ประชาชนที่ร่วมชุมนุมโดยสันติวิธีและมีคาถาประจำใจคือ ไม่โกรธ ไม่รุนแรง ไม่ตอบโต้ กำลังเดินทางกลับไปยังสนามหลวงแล้วจะกลับมาใหม่อีก 7 วันข้างหน้า เมื่อประชาชนในภาคเหนือ อีสาน กลาง และอาจจะมีภาคใต้ด้วยเพิ่มจำนวนเข้ามาชุมนุม ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการมีเพียงข้อเดียวคือ คมช.ต้องออกไปโดยไม่มีเงื่อนไข


อย่างไรก็ตาม นายวีระได้กล่าวถึงประสบการณ์ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ว่า แม้เราจะเดินทางมาอย่างเรียบร้อยและมีการเจรจาตกลงกันได้ แต่เมื่อพี่น้องทยอยเดินทางกลับกันอย่างไม่เป็นระเบียบ ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ก็มีการใช้ความรุนแรงปราบปรามที่เจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชนเมื่อตอนที่จะมีการแยกย้ายกลับบ้าน


นายวีระได้ประกาศให้ประชาชนค่อยๆ เกาะกลุ่มเคลื่อนย้ายออกไปจากพื้นที่ ถ้าต่างคนต่างกลับ เขาจะสลายเอา การทุบตีจะเกิด แก๊สน้ำตาจะเกิด และหลังจากนั้นจึงมีการเคลื่อนขบวนพร้อมตะโกน "คมช.ออกไป" 3 รอบ และร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนเคลื่อนขบวนกลับสนามหลวง


นอกจากนี้ระหว่างทาง แกนนำผู้ชุมนุมยังกล่าวบนรถปราศรัยว่า เรารู้ทางแล้ว วันหน้าเราจะมาเที่ยวใหม่ บ้ายบาย ครับท่าน ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ


สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลร่วมสังเกตการณ์ชุมนุมสนามหลวง


นอกจากนี้ เวลาประมาณ 22.04 น. วานนี้ (9 มิ.ย.) ในกระดานข่าวฟ้าเดียวกัน ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ตั้งกระทู้หัวข้อ update สถานการณ์: การชุมนุมที่สนามหลวงวันนี้  โดยระบุว่าออกมาจากการชุมนุมที่สนามหลวงในเวลา 20.00 น. "ตอนผมออกจากสนามหลวง ประมาณ 20.00 น. เขายังไม่ตัดสินใจว่าจะเดินหรือไม่เดิน ผมเพิ่งทราบเมื่อมาถึงบ้านว่า เขาตัดสินใจเดิน ความจริง โดยส่วนตัว ผมรู้สึกว่า หากจะเดิน น่าจะเริ่มเร็วกว่านี้"


ผมเข้าใจเอง (และจากการคุยกับคนที่รู้จักคนจัดอยู่ห่างๆ) วันนี้น่าจะเป็นเพียงการ "ซ้อมใหญ่" เท่านั้น


หวังว่า คงจบแบบสงบ และกล่าวว่าจะหาเวลาเขียน impressions จากการไปสังเกตการณ์ ชุมนุมโดยละเอียดวันหลัง


โดยอาจารย์สมศักดิ์ประเมินว่ามีการชุมนุมที่สนามหลวง มีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 2 หมื่นคน ซึ่งตามความเห็นของอาจารย์สมศักดิ์ ถือว่า "มาก แต่ไม่ถึงกับมากแบบ "มหึมามหาศาล" เสียทีเดียว"


ประธาน คมช.จะไม่ลาออกตามข้อเรียกร้อง ยันทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ได้ทำอะไรผิด


ล่าสุด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. กล่าวในวันนี้ (10 มิ.ย.) ยืนยันจะไม่ลาออกจากตำแหน่งประธานคมช. ภายใน 7 วัน ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ เนื่องจากไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผ่านมาถือว่าทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองไม่ได้เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง อีกทั้ง กลุ่มคนที่ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ตนเองยังมีความสงสัยอยู่ว่ามีเจตนาอันบริสุทธิ์จริงหรือไม่ด้วย


ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่นั้นคิดว่า ยังไม่จำเป็น เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่น่าวิตกและเชื่อว่าการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ คงจะลดน้อยลงภายหลังจากประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จากการกระทำของกลุ่มอำนาจเก่า จนนำไปสู่การปฏิวัติของ คมช.


กรณีที่มีรายงานว่าคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พยายามติดต่อขอพูดคุย ผ่าน หมอดูชื่อดัง นั้น พล.อ.สนธิ บอกว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากมีการติดต่อมาจริงก็คงต้องขอปรึกษากับทางรัฐบาลก่อน ที่จะมีการตัดสินใจ


'อ.โต้ง' แจงสรยุทธ์ เมื่อคืนแค่สังเกตการณ์ แต่ถูกโห่ไล่ทั้งที่ยังไม่อยากกลับ


ขณะที่ ล่าสุด นายไกรศักดิ์ ชุณหวัณ อดีต ส.ว.นครราชสีมา ได้ให้สัมภาษณ์นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ในรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3 เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (10 มิ.ย. 50) ถึงเหตุการณ์การชุมนุมหน้า บก.ทบ.ที่นายไกรศักดิ์ถูกโห่ไล่เมื่อคืนว่า ตนตั้งใจว่าจะไปสังเกตการณ์ แต่มีแกนนำปราศรัยว่ามีคนจะยั่วยุ ตนจึงเดินเข้าไปที่รถปราศรัย เพื่อถามว่าขอผมมาฟังสักคนไม่ได้หรือ แต่มีคนฮือเข้ามา โชคดีที่ตำรวจช่วยออกมา ที่จริงก็ไม่อยากจะกลับ อยากจะฟังต่อ ตนไม่เคยเห็นม็อบที่ท้าทายขนาดนี้


ปีที่แล้วตนอยู่กับม็อบพันธมิตรมาหลายเดือน มีการยับยั้ง ให้ใช้สันติวิธี ไม่ให้ใช้การรุนแรง แต่ม็อบครั้งนี้กลับสนับสนุนให้ใช้การรุนแรงด้วยซ้ำไป แต่คิดว่าตนคงไม่ไปอีกแล้ว เขาคงไม่อยากหาแนวร่วม ทั้งๆ ที่ ตนไม่ชอบเผด็จการเหมือนกัน ที่ไปก็อยากไปฟังเหตุผลว่าทำไมต้องชุมนุม แต่ตนก็ต้องรีบออกมา และมีการขว้างขวดน้ำ ขว้างกระป๋องโดนหัวตนเอง จับๆ ดูก็โนเหมือนกัน เป็นห่วงสถานการณ์มาก เป็นห่วงรัฐบาล ม็อบนี้ไม่เน้นสันติวิธีแล้ว ท้าทายให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น นายไกรศักดิ์กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net