ทหารร่วมกับป่าไม้ใช้กฎอัยการศึกสนธิกำลังเข้ารื้อ-จับชาวบ้านปางแดง

 

 


ภาพจากแฟ้มข่าว สำนักข่าวประชาธรรม


 

ทหารชุดเฉพาะกิจร่วมกับป่าไม้ ใช้กฎอัยการศึก เข้าปิดล้อมหมู่บ้านปางแดง บุกรื้อถอนบ้านและจับกุมชาวบ้าน เผยเป็นพื้นที่เป้าหมายบุกรุกป่า-ยาเสพติด ขณะที่เอ็นจีโอประณามเจ้าหน้าที่รัฐเลือกปฏิบัติ เหมือนจงใจสร้างสถานการณ์ กระทำการคุกคามชาวบ้านปางแดงซ้ำซาก

 

วันนี้ (22 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ทหารจากชุดเฉพาะกิจกองพันทหารม้า กองทัพภาคที่ 3 พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้จากหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.5 (ปิงโค้ง) และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา กว่า 20 นาย นำกำลังเข้ารื้อค้นบ้านชาวบ้านปางแดงนอก ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จำนวน 3 หลัง โดยได้รื้อค้นบ้านก่อนทำการยึดไม้พร้อมจับกุมชาวบ้านข้อหามีไม้ถื่อนอยู่ในครอบครอง

 

โดยการเข้าปิดล้อมหมู่บ้านและทำการรื้อค้นในครั้งนี้ ทางชุดเฉพาะกิจได้ทำการตรวจค้นบ้านชาวบ้านจำนวน 3 หลัง และได้ยึดไม้ของชาวบ้านไปทั้งหมด 77 แผ่น อีกทั้งยังได้เข้าจับกุมนายเกตุ ใหม่เบี้ยว ราษฎรบ้านปางแดงนอก ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธร อ.เชียงดาว ดำเนินคดีในข้อหามีไม้ในการครอบครอง

 

เมื่อผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามนายสนั่น โกฏแก้ว หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.5 (ปิงโค้ง) เปิดเผยว่า เนื่องจากหมู่บ้านปางแดง เป็นหนึ่งในหมู่บ้านเป้าหมายในเรื่องปัญหาการบุกรุกป่าและยาเสพติด ของ อ.เชียงดาว ซึ่งจากการสืบเบาะแส พบว่าพื้นที่ปางแดงถือว่ายังมีปัญหาเรื่องการบุกรุกป่าอยู่ และยังมีกลุ่มพ่อค้าไม้เข้าไปแอบแฝงอยู่ในหมู่บ้านนั้นด้วย จึงจำเป็นต้องเข้าไปค้นและจับกุม

 

"แต่ว่าการเข้าไปปิดล้อม มันต้องมีหมายค้น ซึ่งบางครั้งมันไม่ทันการ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องอาศัยชุดกำลังเฉพาะกิจของทหาร เพราะทางทหารไม่ต้องใช้หมายค้น สามารถใช้กฎอัยการศึกเข้าไปได้เลย"

 

ทั้งนี้ นายสนั่น กล่าวว่า ปัญหาเรื่องปะหล่องปางแดงนั้น จริงๆ แล้ว ต้องให้ทางส่วนปกครองเข้าไปแก้ไขปัญหา เพราะเอาเขามาอยู่ แต่ไม่มีอาชีพให้เขา ปล่อยทิ้งไว้ สุดท้ายก็ต้องไปบุกรุกป่า ซึ่งในส่วนของป่าไม้ ก็ทำได้เพียงแค่เข้าไปปราบปราม ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น

 

ในขณะที่ สำนักข่าวประชาธรรม รายงานว่า นายวิวัฒน์ ตามี่ ผู้ประสานงานศูนย์ปฏิบัติการณ์ร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนบนพื้นที่สูง(ศปส.) กล่าวถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า ชาวบ้านปางแดงนอก อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นมานานหลายสิบปีแล้ว แต่กรณีที่เจ้าหน้าที่ และทหารนำกำลังเข้ารื้อถอนบ้านชาวบ้านโดยที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ และไม่มีหมายตรวจค้น แต่อ้างว่าชาวบ้านกระทำผิดกฎหมายเพราะปลูกบ้านในป่า ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะบ้านมีเจ้าของ อีกทั้งเจ้าของบ้านก็ไม่อยู่บ้าน ถือเป็นการบุกรุกในที่รโหฐาน โดยยังไม่ได้แจ้งเหตุผลให้เจ้าของบ้านทราบก่อน

 

"เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และไม่ชอบธรรม ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น เพราะบ้านเมืองไม่ใช่ยุคป่าเมืองเถื่อน และชาวบ้านอาศัยสร้างบ้านอยู่มามานานแล้ว จะเอาข้อหาอะไรไปยัดให้ชาวบ้านอีก จะกล่าวหาว่าเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าก็ไม่ใช่ บุกรุกป่าก็ไม่ได้ทำ การกระทำของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้เป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ นอกจากนี้ยังเข้าข่ายเลือกปฏิบัติ เพราะหลังอื่นๆ ในละแวกนั้นไม่ได้ถูกรื้อค้นด้วย มีเพียงบ้าน 3 หลังที่ถูกรื้อถอน เหมือนกับเป็นการจงใจสร้างสถานการณ์ภายใต้ ช่วงการประกาศกฎอัยการศึก" นายวิวัฒน์ กล่าว

 

ด้านนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด กองเลขาสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ(สกน.) กล่าวว่า หลังจากมีการจับกุมชาวบ้านบ้านปางแดงนอก จำนวน 48 คน เมื่อปี 2547 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้สรุปความเห็นว่ากรณีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมชาวบ้าน หากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ ไม่ควรใช้กฎอัยการศึกมาเกี่ยวข้อง ถ้าจะดำเนินการก็ต้องเกี่ยวข้องกับป่าไม้ แม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะอยู่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับกฎอัยการศึกก็ตาม

 

นายสุริยันต์ กล่าวต่อว่า ตนทราบรายงานจากพื้นที่ว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ขอกำลังทหารเข้าไปคุ้มกันเพื่อรื้อถอนฝาบ้านของชาวบ้านที่สงสัยว่าเป็นไม้เถื่อน ซึ่งข้อมูลส่วนนี้แตกต่างจากที่ตนได้รับฟังมาจากฝ่ายชาวบ้านคือ ลักษณะฝาบ้านของชาวบ้านไม่ได้มีความใหม่ หรือมีลักษณะเป็นไม้ใหม่พร้อมที่จะนำไปแปรรูปขาย ซึ่งเป็นข้อมูลที่แตกต่างจากฝ่ายราชการ

 

"แม้ว่าเจ้าของบ้านที่ถูกรื้อถอนบ้านจะอยู่ในระหว่างการต่อสู้คดีบุกรุกป่ามาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว และแม้ล่าสุดจะโดนคดียาเสพติด แต่ว่าพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปรื้อถอนบ้านของชาวบ้าน ไม่น่าจะชอบด้วยกฏหมาย เพราะไม่ได้มีท่าทีที่ละมุนละม่อม และก่อให้เกิดความสมานฉันท์ การเข้าไปรื้อถอนของเจ้าหน้าที่ ถือเป็นการเข้าข่ายการทำลายทรัพย์สินให้เสียหาย มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับการทำให้เสียทรัพย์" นายสุริยันต์ กล่าว

 

 

 

 


นอกจากนี้ นายสุริยันต์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลกว่า ทำไมหมู่บ้านปางแดงนอกจึงโดนกระทำซ้ำซากอยู่แบบนี้ แต่กรณีนายทุนเข้าไปตัดไม้กลับไม่เห็นโดนหนักอย่างนี้ สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นภาพการเลือกปฏิบัติ โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการใช้หลักนิติธรรมกับชาวบ้าน แต่เป็นการใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุมากกว่า นอกจากนี้ เหตุการณ์ และพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ ยังแสดงให้เห็นว่าไม่ค่อยมีการรับฟังข้อมูล และประสานงานกับพื้นที่ ซึ่งตามหลักการแล้ว หากเจ้าหน้าที่ป่าไม้จะนำรถเข้าไปในพื้นที่ควรจะแจ้งส่วนปกครองท้องถิ่นให้ทราบ แต่เท่าที่ทราบข้อมูล หน่วยงานท้องถิ่นก็ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น

 

"นี่ถือว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ทั้งที่ชาวบ้านปางแดง ทั้งที่ชาวบ้านปางแดงนั้นถูกกระทำซ้ำซาก และคดีอยู่ในชั้นศาล อีกทั้งยังถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ทางคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ กับทหารที่เคยบันทึกข้อตกลงกันไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว หากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ จะไม่ใช้กฎอัยการศึก แต่สุดท้าย ก็ยังมีการนำออกมาใช้กันอยู่ จึงดูเหมือนว่าทหารกำลังตกเป็นเครื่องมือของป่าไม้ไปแล้ว"

 

อย่างไรก็ตาม นายสุริยันต์ กล่าวเสนอในตอนท้ายว่า ในเบื้องต้นชาวบ้านที่เดือดร้อนอาจทำการแจ้งความไว้ก่อน นอกจากนี้ ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลดูอีกครั้งว่า ไม้ที่เจ้าหน้าที่ยึดไปเป็นไม้เก่าหรือใหม่ หรือส่วนราชการมีคำสั่งอะไรหรือไม่ที่เป็นข้อบ่งชี้ว่าบ้านชาวบ้านที่ถูกรื้อถอนมีความผิดอะไรหรือไม่ เพราะโดยหลักการการปฏิบัติต่อผู้ต้องหาน่าจะมีความละมุนละม่อมมากกว่านี้ ทั้งนี้ ชาวบ้านซึ่งเป็นชนเผ่าปะหล่องก็ไม่ได้มีท่าทีในมิติของการเป็นปฏิปักษ์ หรือเป็นศัตรูต่อชาติแต่อย่างใด หากเรื่องดังกล่าวหากเข้าข่ายการละเมิดสิทธิ ต้องดำเนินการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อไป

 

 

.........................................................................

ข้อมูลประกอบ สำนักข่าวประชาธรรม

 

อ่านบทความต่อเนื่อง

ปางแดง...เหตุการณ์เลวร้ายที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง(1)

ปางแดง... เหตุการณ์เลวร้ายที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง(2)

ปางแดง...เหตุการณ์เลวร้ายที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง(3)

ปางแดง... เหตุการณ์เลวร้ายที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง(ตอนจบ)

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท