แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเรื่องนี้ว่า ข้อมูลของนายไกรศักดิ์น่าจะคลาดเคลื่อน เพราะช่วงนี้ตนเองยังไม่ได้ทำอะไร น่าจะเป็นข้อมูลเก่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2548 ซึ่งได้ร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ติดตามเรื่องคนหายในภาคใต้ และเมื่อลงสำรวจในพื้นที่พบร่างนิรนามในแต่ละจังหวัดค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะ จ.ปัตตานี จะพบประมาณ 300 ศพ ส่วนที่ จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเป็นศพที่เกิดในปี 2548 ล้วนๆ เพราะศพนิรนามที่เกิดก่อนหน้านั้นได้มีการเผาทำลายไปหมดแล้ว

"ที่พบนั้นไม่ใช่หลุมฝังศพขนาดใหญ่ แต่ได้มีการส่งศพมารวมกันที่มูลนิธิฮ่งเต็กเจียงตึ๊ง จ.ปัตตานี แล้วเราพยายามที่จะส่งไปผ่าพิสูจน์ที่อำเภอหาดใหญ่ โดยเน้นเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก คาดว่าประมาณต้นเดือนหน้าจะเริ่มทำ แต่ตอนนี้ที่ยังทำไม่ได้เพราะติดเรื่องงบประมาณซึ่งเรามีไม่เพียงพอ"

แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์กล่าวต่อว่า ในการคัดแยกศพเบื้องต้นจะมีการสังเกตเท่าที่ทำได้ หากศพไหนเหมือนมุสลิมจะนำไปฝังไว้ในกุโบร์ ที่เหลือก็ฝังไว้ตามศาสนาพุทธ แต่สามารถแยกได้เฉพาะผู้ชายที่มีเอกลักษณ์เป็นมุสลิมเท่านั้น ส่วนผู้หญิงจะดูยากหากไม่มีการแต่งกายที่บ่งบอกชัดเจน เชื่อว่าในจังหวัดปัตตานีน่าจะมีศพนิรนามที่สามารถระบุได้ชัดเจนเบื้องต้นว่าเป็นชาวมุสลิมในพื้นที่ประมาณ 30 ศพ

สำหรับศพที่พบนอกเหนือจากนี้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้บอกเบื้องต้นว่าศพเหล่านี้เป็นศพของคนเขมรที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่วนที่เหลืออีก 60-70 เปอร์เซ็นต์ เป็นศพที่ถูกฆาตกรรม แต่จะไม่ขอตอบว่าทำไมถึงมีการฆาตกรรมกันหลายร้อยศพเช่นนี้ภายในปีเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ศพนิรนามเหล่านี้เกิดจากการที่ภาครัฐเข้าไปแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า ขอไม่ตอบ เพราะจะทำให้เกิดแรงต้าน ตนเองอยากทำงานได้โดยที่ไม่มีใครต้าน เพราะแค่นี้การทำงานก็มีอุปสรรคมากพอแล้ว ทั้งไม่ได้รับการสนับสนุนเรื่องงบประมาณ จนต้องไปขอจากที่อื่น และไม่ได้รับการสนับสนุนจากพื้นที่

"ศพของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของปัญหาคนหายเท่านั้น ความจริงในพื้นที่อื่นๆ ก็ยังมีศพนิรนามอีกจำนวนมาก แต่ได้มีการเผาทำลายไปแล้วหมดสิ้น ซึ่งความจริงแล้วตามหลักการนั้นร่างนิรนามจะนำไปเผาไม่ได้ จนกว่าจะมีการพิสูจน์ก่อนว่าเป็นใคร มาจากไหน และตายด้วยสาเหตุอะไร แต่นี่กลับนำไปเผาทำลายหมดเลย หมอจึงอยากให้ยูเอ็นทราบเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะรัฐบาลเองก็มีนโยบายเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่รัฐบาลก็ไม่เคยเอื้อให้เราทำงานได้เลย ทางฮิวแมนไรต์ของเอเชียได้รับรู้เรื่องนี้แล้ว และจะเข้ามาช่วยเหลือทั้งระบบเกี่ยวกับการตรวจสอบคนหาย" แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ระบุ

.......................

เรียบเรียงจาก : เว็บไซต์ไทยโพสต์