Skip to main content
sharethis


น.พ.ประเวศ วะสี
ภาพจาก
www.manager.co.th


"ปฏิจจสมุปบาท" (ปะติดจะสะหมุบปะบาด) เป็นหมวดธรรมที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ส่วน "ฆาตกรรมชาติ" เป็นคำที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันอาทิตย์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๙


 


"ปฏิจจสมุปบาท" เป็นหมวดธรรมะที่ว่าด้วยเหตุปัจจัยที่ผลักดันกันต่อๆ ไป ๑๒ ขั้นตอนจนเกิดทุกข์ เริ่มตั้งแต่อวิชชา ดังนี้



ที่จริงเราได้ยินพระสวดในงานศพอยู่เสมอ แต่เราไม่เข้าใจ จึงขาดปัญญาทางธรรมไป ทีหลังเวลาฟังพระสวด คอยสังเกต ถ้าท่านสวดว่า "อวิชชา ปัจจยา  สังขารา" นั่นแหละท่านเริ่มสวดบทปฏิจจสมุปบาทแล้ว


 


ถ้าเราเข้าใจขั้นตอนต่างๆ ที่ผลักดันกันต่อๆ ไป จนทำให้เกิดทุกข์ เราก็รู้ว่าจะขจัดทุกข์ได้ ณ ขั้นตอนใดได้บ้างและอย่างไร จนถึงทำให้สิ้นทุกข์ได้ ฉันใด


 


ขณะที่หายนภัยแห่งการสิ้นชาติกำลังเกิดขึ้น ถ้าเราเข้าใจเหตุปัจจัยที่ผลักดันกันต่อๆ ไปสู่การสิ้นชาติ จะทำให้เราอยู่ในฐานะจะขจัดเหตุแห่งการสิ้นชาติได้ ฉันนั้น


 


ผมขอยืมคำทางพุทธมาใช้ เรียกห่วงโซ่แห่งเหตุปัจจัยที่นำไปสู่การสิ้นชาติว่า ปฏิจจสมุปบาทแห่งการฆาตกรรมชาติ - มี ๙ ขั้นตอน ๑๐ หัวข้อ ดังนี้


ปฏิจจสมุปบาทแห่งการฆาตกรรมชาติ - มี ๙ ขั้นตอน ๑๐ หัวข้อ




ที่จริง มีเหตุปัจจัยและผลเป็นรายละเอียดมากกว่านี้ ที่เรียงลำดับมาอย่างย่นย่อเพื่อจำได้ง่าย แต่สามารถไปศึกษาให้ละเอียดพิสดารต่อไปได้  จะขอขยายความเพียงเล็กน้อยบางประเด็นเท่านั้น ดังต่อไปนี้


 


ทุนขนาดใหญ่เป็นแสนๆ ล้าน เราไม่เคยมีมาก่อน ทุนขนาดใหญ่อย่างนั้นมีฤทธิ์มาก สามารถทำอะไรก็ได้ ควรศึกษาให้รู้ว่าการสะสมทุนขนาดใหญ่นี้ไม่ได้มาโดยสัมมาชีพ แต่โดยให้สินบาทคาดสินบน ผูกขาด เอาเปรียบ ค้ากำไรเกินควร


 


ปรกติอำนาจรัฐกับอำนาจเงินจะต้องแยกจากกัน อำนาจรัฐจะได้ควบคุมอำนาจเงินไม่ให้ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรม เมื่อทุนขนาดใหญ่เข้ามายึดอำนาจทางการเมืองก็ทำให้อำนาจในสังคมเสียดุลอย่างรุนแรง ส่งคลื่นของความไม่ถูกต้องไปกระทบทุกอณูของสังคม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


 


เมื่อทุนขนาดใหญ่กับอำนาจทางการเมืองเข้าไปรวมกัน เขาก็ครอบงำเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่าย เข้าแทรกแซงทำให้องค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญอ่อนแอลง เข้าแทรกแซงสื่อทั้งหมดเพื่อทำลายภูมิคุ้มกัน หรือกลไกป้องกันตรวจสอบการทุจริตประพฤติมิชอบของประเทศให้อ่อนแอลง


 


คนเราถ้าสุจริตเสียอย่างจะไม่กลัวการตรวจสอบ เพราะสอบเมื่อไรก็จะเห็นแต่ความดีของตัว คนทุจริตจะเกลียดการตรวจสอบและคนแบบกล้าณรงค์และคุณหญิงจารุวรรณ จะพยายามหาทางกีดกันขับไล่ไสส่ง เพราะเป็นก้างขวางคอ


 


เมื่อทำให้กลไกตรวจสอบอ่อนแอ  คอร์รัปชั่นต่างๆ ก็เกิดขึ้นอย่างมโหฬารที่เรียกกันว่าโคตรโกงบ้างและโกงทั้งโคตรบ้าง ตลอดไปจนคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย คือทำนโยบายผ่อนปรนกฎระเบียบ แก้ไขกฎหมาย เพื่อตักตวงผลประโยชน์มหาศาลเข้าสู่หมู่พวกของตน สภาพคอร์รัปชั่นกันทั้งชาตินี้จะเป็นโครงสร้างและนิสัยที่บ่อนทำลายประเทศไปอีกนาน ที่ฟิลิปปินส์ประธานาธิบดีมาร์คอสได้ก่อให้เกิดโครงการสร้างและนิสัยคอร์รัปชั่นทิ้งไว้ ซึ่งยังกัดกินประเทศให้ทรุดอย่างฟื้นตัวไม่ได้ แม้กระทั่งบัดนี้ หลังจากมาร์คอสตายไปนานแล้ว


 


คนไทยต้องช่วยกันศึกษาวิจัยให้ดีๆ ว่า ประเทศไทยกำลังจะเป็น "โรคมาร์คอส" หรือไม่


 


คนที่ได้เปรียบจะชอบขายรัฐวิสาหกิจ ผ่อนปรนกฎระเบียบหรือแก้ไขกฎหมาย ตกลงการค้าเสรี ให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการต่างๆ โดยอธิบายข้อดีของการค้าเสรีการเงินเสรีด้วยประการต่างๆ ถ้าใช้หลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้าก็อย่าปลงใจเชื่อตรรกะเหล่านั้น


 


สังคมไม่มีตัวอย่างของระบบที่ดีที่สุด


 


ระบบที่ดีที่สุดคือระบบร่างกายมนุษย์ อันเป็นผลจากวิวัฒนาการมากว่าสามพันล้านปี เซลล์ในร่างกายของเราแลกเปลี่ยนกับสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา แต่ไม่ใช่ปล่อยให้อะไรไหลเข้าออกโดยเสรี ถ้าไหลโดยเสรีมันจะตาย เซลล์ต้องคัดเลือกให้อะไรเข้าออกได้ไม่ได้เท่าไร เพื่อรักษาดุลยภาพของตัวเอง การรักษาดุลยภาพคือการรักษาความเป็นปรกติ และการมีชีวิต


 


เรื่องการแก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นได้มากขึ้นและขายโครมได้เงินเข้าพกเข้าห่อ ๗๓,๐๐๐ ล้านบาท โดยไม่ต้องเสียภาษี เมื่อเร็วๆ นี้ เป็นตัวอย่างอันโจ่งแจ้งให้ผู้คนได้ดูกัน


 


บัดนี้ ทุนต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการและทรัพย์สินในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งธนาคาร โรงแรม ศูนย์การค้า โทรศัพท์ ต่อไปก็ไฟฟ้า  ประปา ที่ดิน ฯลฯ กิจการเหล่านี้ย่อมเพิ่มการขูดรีดคนไทย เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นโดยเราไม่มีทางต่อสู้ ถ้าเราขัดขืนเขาก็จะทำร้ายด้วยประการต่าง ๆ รวมทั้งด้วยกำลังอาวุธ เป็นการชักศึกเข้าบ้านโดยแท้


 


คนไทยจะหมดอิสรภาพในการกำหนดอนาคตของตนเอง ก็เท่ากับสูญเสียอธิปไตย คนไทยจะทำงานหนักและเหนื่อยเหมือนวัวเหมือนควาย เพื่อให้ต่างชาติและคนไทยบางส่วนเอาส่วนเกินไปหมด


 


การค้าเสรี แม้จะมีผู้อ้างข้อดีเป็นอเนกประการ แต่ที่แน่ชัดก็คือทำให้ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยและระหว่างประเทศจนกับประเทศรวยห่างมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความไม่เป็นธรรม การทำลายสิ่งแวดล้อม ทำลายวัฒนธรรม ทำลายศีลธรรม ความรุนแรง และสงคราม


 


ในขณะที่เศรษฐกิจพอเพียง เน้นที่การพออยู่พอกินและการมีไมตรีจิตต่อกัน ความพอดี ความสมดุล การอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ศาสนธรรม หรือความดี อีกนัยหนึ่ง เศรษฐกิจพอเพียงถือการอยู่ร่วมกันด้วยสันติระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติแวดล้อมเป็นตัวตั้ง อะไรที่ไม่เอาการอยู่ร่วมกันด้วยสันติเป็นตัวตั้ง แต่เอาอย่างอื่น เช่น ตลาดเสรีก็ดี การเงินเสรีก็ดี เป็นตัวตั้ง ในที่สุดจะนำไปสู่ความล่มสลายของระบบทั้งหมด


 


ในบทวิเคราะห์การเมืองของไทยรัฐฉบับวันอาทิตย์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๙ ใช้คำว่า "ฆาตกรรมชาติ" ถ้าเราเข้าใจปฏิจจสมุปบาทแห่งการฆาตกรรมชาติ ก็จะเข้าใจทิศทางการไปสู่การสิ้นชาติ รู้ว่าใครขายชาติ และจะกู้ชาติได้อย่างไร


 


ขอให้คนไทยช่วยกันศึกษาปฏิจจสมุปบาทแห่งการฆาตกรรมชาติ กันอย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง ถ้าเราเข้าใจ มีปัญญา หลุดออกจากอวิชชา เราจะเกิดญาณปัญญารู้ว่าจะขจัดเหตุแห่งทุกข์ของชาติได้อย่างไร


 





เอกสารประกอบ

ปฏิจจสมุปบาทแห่งการฆาตกรรมชาติ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net