"ถ้าจะทำให้การเจรจาหยุดชะงักโดยที่เราสูญเสียผลประโยชน์ที่เราควรจะได้รับก็น่าเสียดาย อีกทั้งเรายังไม่ได้พูดกันเลยว่ามีอะไรบ้าง ต้องเป็นเอกสารให้ ท่านทราบแล้วท่านค่อยตัดสินใจ แต่ถ้ามายุติเวลาเวลานี้ก็น่าเสียดายเวลา เจรจามาเกือบ 2 ปีแล้ว เสียดายทุนไปมากมาย"
นายนิตย์ พิบูลย์สงคราม หัวหน้าคณะผู้เจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวภายหลังพบกับผู้ชุมนุมคัดค้านการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ ครั้งที่ 6 ซึ่งคาดการณ์กันว่าประเด็นการเจรจาครั้งน้เป็นเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญาซึ่งจะส่งผลกระทบกับประชาชนไทยในเรื่องของการเข้าถึงยา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทีมเจรจาจะยุติการเจรจาตามที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องได้หรือไม่ นายนิตย์ตอบว่าทำไม่ได้ และไม่ใช่หน้าที่ของทีมเจรจาที่จะตัดสินใจว่าจะยุติการเจรจาหรือไม่ พร้อมทั้งยืนยันว่าการเจรจาเอฟทีเอที่ผ่านมาโปร่งใสตลอดมา
"ผมทำไม่ได้ ไม่ใช่หน้าที่ผม ม็อบต้องไปเรียกร้องกับรัฐบาล การเจรจาโปร่งใสตลอดมา เพราะเรามีการรับฟังมาโดยตลอด หน้าที่เจรจาเป็นของทีมเจรจา ไม่ใช่หน้าที่ของผู้อื่น อันไหนที่เป็นห่วงเราก็รับฟังหมดแล้ว ส่วนเอกสารการเจรจาก็มีระดับของความลับอยู่ เอามาเปิดเผยไม่ได้ จะเป็นการละเมิดข้อตกลง"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามกลับไปว่า ในส่วนของสหรัฐอเมริกา การเจรจาเอฟทีเอไม่ใช่ความลับ เพราะต้องเข้าสภาคองเกรสนายนิตย์ตอบว่า สหรัฐทำอย่างไรก็เป็นเรื่องของสหรัฐ แต่ในส่วนของประเทศไทยก็มีแบบแผนของเราอยู่ เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง
ที่สุดแล้ว หัวหน้าทีมเจรจาเอฟทีเอกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในที่สุดปวงชนชาวไทยแลรัฐสภาต้องได้พิจารณาในประเด็นที่ต้องเข้าไปแก้กฎหมายและตัวสนธิสัญญาฉบับนี้
ทั้งนี้ ประเด็นสุดท้ายที่นายนิตย์กล่าวนั้น สอดคล้องกับที่หลายฝ่ายเคยแสดงความกังวลว่าการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐ ในฐานะสนธิสัญญาซึ่งอาจจะส่งผลให้มีการแก้ไขกฎหมายภายในของไทยจะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาและเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน แต่ที่ผ่านมาการเจรจาเอฟทีเอของไทย ไม่เคยผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา รวมถึงการเจรจาเอฟทีเอไทย-สหรัฐที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้ด้วยเช่นกัน