Skip to main content
sharethis

 







บทความในมุมคิดจากนักเรียนน้อย เป็นแบบฝึกหัดที่นักศึกษาทำเพื่อส่งผู้บรรยายในวิชา การเขียนบทบรรณาธิการและบทความ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๔๘


 


 


แก้มลิง


 


นางสาวณัฐกานต์ กิจประสงค์


คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน


มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


 


 "แก้มลิง" เป็นที่รู้จักของพสกนิกรชาวไทยจากพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาปี 2538


 


ครั้งนั้นปวงชนไทยรู้จักแก้มลิงในรูปแบบโครงการแก้มลิง คือการจัดให้มีสถานที่เก็บกักน้ำตามจุดต่างๆ ในกรุงเทพฯ เพื่อทำหน้าที่เป็นบึงพักน้ำในหน้าน้ำ โดยรองรับน้ำฝนไว้ชั่วคราว ก่อนที่จะระบายลงทางระบายน้ำสาธารณะ ดังนั้น เมื่อฝนตก น้ำฝนจึงไม่ไหลลงสู่ทางระบายน้ำในทันที แต่จะถูกขังไว้ในพื้นที่พักน้ำ รอเวลาให้คลองต่างๆ ซึ่งเป็นทางระบายน้ำหลักพร่องน้ำพอจะรับน้ำได้ จึงค่อยๆ ระบายน้ำลง เป็นการช่วยลดปัญหาน้ำท่วมขัง ได้ในระดับหนึ่ง


 


พระองค์ทรงนำรูปแบบการกินอาหารของลิงมากล่าวถึง และแนะนำให้ปรับใช้กับเรื่องการชลประทาน


 


ลิงเวลากินอาหารจะเก็บบางส่วนไว้ที่กระพุ้งแก้ม แล้วนำออกมาเคี้ยวกลืน "เมื่อถึงเวลาหิว" อีกครั้ง


 


ในปีนี้ "แก้มลิง"ถูกพระองค์ทรงยกขึ้นมาเตือนในเรื่องการพูด พระราชดำรัสตอนหนึ่งว่า "แก้มลิง เมื่อครั้งก่อนที่พูดถึงแก้มลิง คนก็หัวเราะ เดี๋ยวนี้ไม่หัวเราะแล้ว เพราะว่าลิงต้องมีแก้ม ถ้าลิงไม่มีแก้มเขาอยู่ไม่ได้ คนเราก็ต้องมีแก้ม เป็นแก้มคนแต่แก้มคนก็เป็นแก้มลิงได้ คือหมายความว่าต้องระวัง รักษา อะไรที่โกยเข้าไปก็เก็บไว้ได้ เป็นการประหยัด จะพูดอะไรก็เก็บไว้ในแก้มได้ ก็ประหยัด คือแก้มลิงเป็นการประหยัด"


 


โดยธรรมชาติของลิง ถ้าเจออาหารจะรีบเก็บเข้าปากไว้ก่อนโดยไม่ทันได้ตรวจว่ามีประโยชน์กับร่างกายหรือไม่ การเก็บไว้ที่กระพุ้งแก้มส่วนหนึ่งคือการเก็บไว้กินเมื่อหิว


 


อีกเหตุผลหนึ่งคือ จะได้มีเวลาเลือกและตรวจดูว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายหรือไม่


 


คนก็เหมือนกัน ถึงไม่ต้องเก็บอาหารไว้ที่กระพุ้งแก้มเหมือนลิง แต่ก็มีกระพุ้งแก้มไว้เก็บคำพูด ไม่ใช่พูดทุกอย่างที่คิด แต่ช่วงเวลาที่เก็บไว้ที่กระพุ้งแก้มยังไม่มีใครรู้ ยังไม่เป็นผลดี/ผลร้ายกับใคร


 


ในช่วงเวลาที่เก็บไว้ที่กระพุ้งแก้มแล้วคิดตรึกตรองก่อนค่อยพูด จะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายมากกว่า


 


อันที่จริง "แก้มลิง" เป็นสิ่งที่ท่านผู้นำและญาติมิตรฟากรัฐบาลกระทำมาโดยตลอด แต่เป็นแก้มลิงคนละความหมายกับแก้มลิงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสไว้


 


เราตีความจากสิ่งที่เห็นมาโดยตลอดว่า "แก้มลิง" ในทัศนะของท่านผู้นำและรัฐมนตรีของท่านว่าหมายถึงการ "อมพะนำ" และ "ปกปิด"


 


แก้มลิงของท่านผู้นำคือ พูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับตนเองและเก้าอี้ ไม่เช่นนั้น ผลสอบทุจริตเรื่อง CTX ที่ค้างใจประชาชน คงไม่ออกมาบอกว่าไม่มีการทุจริต


 


แก้มลิงของท่านผู้นำคือ สามารถนำสิ่งที่พูดแล้ว ไปเก็บไว้ในกระพุ้งแก้ม ดึงสิ่งที่ยังไม่พูดออกมาพูด สลับไปสลับมาอยู่ตรงสองกระพุ้งแก้มนั่นเอง ไม่เช่นนั้นโครงการรถไฟฟ้า 10 สายคงมีคำตอบที่ชัดเจน ไม่ใช่บางวัน 4 สาย บางวัน 10 สาย ไม่รู้จะคัดเลือกจะประมูลโครงการอย่างไรแน่ ใช้เกณฑ์ไหน อย่างไร


 


แก้มลิงของท่านผู้นำคือ การเก็บทุกอย่างไว้ที่กระพุ้งแก้ม ไม่ตอบคำถามใดใด ด้วยเหตุผลที่หนักแน่นสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีประจำประเทศไทยว่า "ดาวพุธเคลื่อนถอยหลัง"


 


คำให้สัมภาษณ์ของท่านผู้นำและคนในรัฐบาลที่บอกว่าจะน้อมนำประราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใส่เกล้าใส่กระหม่อม และน้อมนำไปสู่การปฏิบัติ แม้จะเป็นท่าทีที่ดี แต่คำพูดอย่างเดียวคงไม่เกิดผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนได้


 


แอบหวังในใจอย่างสุดซึ้งว่า พระราชดำรัสครั้งนี้จะช่วยให้ท่านผู้นำและคนในรัฐบาลเข้าใจ "แก้มลิง" เสียที


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net