รัตน์ บิดู
นับจากวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ขบวนธรรมชาติยาตราเพื่อป่าชุมชนได้ร่วมกันเดินเท้าออกจาก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยได้ใช้เวลาในการเดินทางรวมทั้งสิ้นกว่า 30 วัน รวมระยะทางในการเดินกว่า
นายเจษฎาวุธ และนาย
ด้าน "ทีมู" หรือนางสาว
ในขณะที่ พฤ โอโด่เชา ตัวแทนชาวบ้านจากบ้านแม่ลานคำ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า พวกเราเดินธรรมชาติยาตราเพื่อป่าชุมชนในครั้งนี้ ก็เพื่อคนทั้งประเทศ เป็นการเดินแบบแผ่เมตตา และสื่อสารให้คนข้างล่างได้รู้ว่า ธรรมมะ ธรรมชาติ คน นั้นอยู่ด้วยกันได้ และรู้ว่าในสภาเขากำลังพิจารณา พ.ร.บ.ป่าชุมชน ให้มีการตั้งเขตป่า "อนุรักษ์พิเศษ" ขึ้นมา ซึ่งมันจะเกิดปัญหากระทบต่อพี่น้องที่อยู่บนดอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่เข้าใจว่า พวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่ การที่ทางกรรมาธิการร่วม 2 สภา คิดกันอย่างนี้ ก็เพื่อต้องการบีบไม่ให้พวกเราคนอยู่กับป่าออกไป แล้วพวกเราจะอยู่กันอย่างไร
"ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าเราไม่รักษาป่า เราก็อยู่ไม่ได้ เรารักษามาโดยตลอด แต่กลับถูกกล่าวหาว่า ชาวเขาเป็นตัวทำลาย ทำไมไม่คิดกันว่า เราต่างมีชีวิต มีลมหายใจเหมือนกัน หายใจเท่าๆ กัน สูดอากาศเหมือนๆ กัน แล้วทำไมเราต้องมาแก่งแย่งเบียดเบียนกันด้วย"
อย่างไรก็ตาม นาย
ล่าสุด รายงานแจ้งว่า เมื่อเวลาบ่ายของวันที่ 12 ธ.ค. ทางคณะกรรมาธิการร่วมฯ 2 สภา ได้มีการเรียกประชุมด่วน เพื่อประเมินสถานการณ์และทบทวนในจุดยืนของประชาชน ในร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชนกันอีกครั้ง ก่อนจะนำเข้าในสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ ขบวนธรรมชาติยาตราได้เดินทางเข้าถึงกรุงเทพฯ ล่าสุด ได้เดินเท้าเข้าพักแรมที่สหภาพแรงงานรถไฟ หลังจากนั้น ในวันที่ 13 ธ.ค. จะออกเดินทางจากสหภาพแรงงานไปยังสวนสันติภาพ โดยจะมีเครือข่ายพี่น้องเกษตรกร องค์กรพันธมิตรที่สนับสนุนร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชนฯ กว่า 5,000 คน จากทั่วประเทศ เข้าร่วมเรียกร้องและยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนว่า จะนำร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชนเข้าพิจารณา เพื่อให้ทันสมัยประชุมสภาฯ นี้ และลงมติไม่รับร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชนฉบับที่แก้ไขโดยคณะกรรมาธิการร่วมกัน 2 สภา ด้วยการยืนยันตามร่างเดิมที่เสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร