สองขาจากภูสูงสู่เมืองกรุงฯ : ธรรมชาติ เป็นพลังให้เราก้าวเดิน


รัตน์ บิดู


 


นับจากวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ขบวนธรรมชาติยาตราเพื่อป่าชุมชนได้ร่วมกันเดินเท้าออกจาก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยได้ใช้เวลาในการเดินทางรวมทั้งสิ้นกว่า 30 วัน รวมระยะทางในการเดินกว่า 800 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าไม่ใช่เป็นเรื่องธรรมดาที่คนทั่วไปจะทำได้ หากเป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งพลังกาย พลังใจเป็นอย่างมากจึงจะบรรลุเป้าหมายที่วางไว้


 

นายเจษฎาวุธ และนายนิรันดร์ เทพวงศ์ สองพี่น้องจากบ้านหัวฝาย อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ที่ร่วมเดินธรรมชาติยาตราจาก อ.เชียงดาว จนมาถึงกรุงเทพฯ กล่าวว่า ที่ต้องออกมาเดินในครั้งนี้เพราะรู้ดีว่าจำเป็นต้องมี พ.ร.บ.ป่าชุมชน ฉบับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาในชุมชนของตนก็มีการอนุรักษ์ดูแลรักษาป่าชุมชนจำนวนกว่า 10,000 ไร่มานานหลายสิบปีมาแล้ว จึงเชื่อว่าคนอยู่กับป่า ดูแลป่ากันได้

 

ด้าน "ทีมู" หรือนางสาวรัตน์ บิดู วัย 20 ปี ตัวแทนชาวปกากญอ บ้านห้วยไร่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย บอกว่า ตอนแรกก็รู้สึกท้อ เพราะว่าเป็นผู้หญิงคนเดียวในขบวนธรรมชาติยาตราที่เดินมาถึงกรุงเทพฯ ในครั้งนี้ เพราะตั้งใจเอาไว้ว่า จะต้องเดินให้ถึงกรุงเทพฯ เพื่ออยากจะสื่อให้สังคมข้างล่างเข้าใจว่า คนนั้นอยู่กับป่าได้ ที่หมู่บ้านห้วยไร่ ชาวบ้านทุกคนช่วยกันดูแลป่าชุมชนหลายพันไร่ จึงอยากจะบอกให้ผู้มีอำนาจรู้ว่า พวกเราไม่ใช่คนทำลายป่า แต่เราสามารถดูแลรักษาป่าได้

 

ในขณะที่ พฤ โอโด่เชา ตัวแทนชาวบ้านจากบ้านแม่ลานคำ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า พวกเราเดินธรรมชาติยาตราเพื่อป่าชุมชนในครั้งนี้ ก็เพื่อคนทั้งประเทศ เป็นการเดินแบบแผ่เมตตา และสื่อสารให้คนข้างล่างได้รู้ว่า ธรรมมะ ธรรมชาติ คน นั้นอยู่ด้วยกันได้ และรู้ว่าในสภาเขากำลังพิจารณา พ.ร.บ.ป่าชุมชน ให้มีการตั้งเขตป่า "อนุรักษ์พิเศษ" ขึ้นมา ซึ่งมันจะเกิดปัญหากระทบต่อพี่น้องที่อยู่บนดอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่เข้าใจว่า พวกเขากำลังคิดอะไรกันอยู่ การที่ทางกรรมาธิการร่วม 2 สภา คิดกันอย่างนี้ ก็เพื่อต้องการบีบไม่ให้พวกเราคนอยู่กับป่าออกไป แล้วพวกเราจะอยู่กันอย่างไร

 

"ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าเราไม่รักษาป่า เราก็อยู่ไม่ได้ เรารักษามาโดยตลอด แต่กลับถูกกล่าวหาว่า ชาวเขาเป็นตัวทำลาย ทำไมไม่คิดกันว่า เราต่างมีชีวิต มีลมหายใจเหมือนกัน หายใจเท่าๆ กัน สูดอากาศเหมือนๆ กัน แล้วทำไมเราต้องมาแก่งแย่งเบียดเบียนกันด้วย"

 

อย่างไรก็ตาม นายสรศักดิ์ เสนาะพรไพร หนึ่งใน 99 ชีวิตของขบวนธรรมชาติยาตราเพื่อป่าชุมชน กล่าวว่า ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม กับการเดินเท้าจาก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มาถึงกรุงเทพฯ ก็ยอมรับว่าเหนื่อย แต่ว่าทุกคนมีจิตใจเข้มแข็งดีมาก เพราะในขณะนี้มีแนวร่วมพันธมิตรมาร่วมให้กำลังใจตลอดทาง และเท่าที่ประเมินดูแล้ว การเดินธรรมชาติยาตราในครั้งนี้มีพลังพอสมควร พอที่จะทำให้กรรมาธิการร่วม ต้องกลับนั่งทบทวนประเมินท่าทีกันใหม่อีกรอบหนึ่ง

 

ล่าสุด รายงานแจ้งว่า เมื่อเวลาบ่ายของวันที่ 12 ธ.ค. ทางคณะกรรมาธิการร่วมฯ 2 สภา ได้มีการเรียกประชุมด่วน เพื่อประเมินสถานการณ์และทบทวนในจุดยืนของประชาชน ในร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชนกันอีกครั้ง ก่อนจะนำเข้าในสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้

 

ทั้งนี้ ขบวนธรรมชาติยาตราได้เดินทางเข้าถึงกรุงเทพฯ ล่าสุด ได้เดินเท้าเข้าพักแรมที่สหภาพแรงงานรถไฟ หลังจากนั้น ในวันที่ 13 ธ.ค. จะออกเดินทางจากสหภาพแรงงานไปยังสวนสันติภาพ โดยจะมีเครือข่ายพี่น้องเกษตรกร องค์กรพันธมิตรที่สนับสนุนร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชนฯ กว่า 5,000 คน จากทั่วประเทศ เข้าร่วมเรียกร้องและยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี แสดงจุดยืนว่า จะนำร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชนเข้าพิจารณา เพื่อให้ทันสมัยประชุมสภาฯ นี้ และลงมติไม่รับร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชนฉบับที่แก้ไขโดยคณะกรรมาธิการร่วมกัน 2 สภา ด้วยการยืนยันตามร่างเดิมที่เสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร

 

 

กลับหน้าแรกประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท