Skip to main content
sharethis






 


กิจกรรมนี้เกิดขึ้นจากทีมนักแปลอาสาสมัครที่อยากให้สาธารณชนได้บริโภคข่าวสารอย่างรอบด้าน เนื่องเพราะเห็นว่าสื่อสารมวลชนของไทยมีปัญหาเรื่องการทำงานในสถานการณ์วิกฤตินี้ เราจึงเลือกแปลข่าวของสื่อต่างชาติที่ยังสามารถทำงานตามหลักการวิชาชีพได้โดยไม่มีอคติต่อฝ่ายใด และไม่มีอำนาจรัฐมาครอบงำ


 


 ทีมแปลข่าวเฉพาะกิจ


 


13 เม.ย. 52 - ประชาชนหลายสิบคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่กองทัพบุกเข้าสลายผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลในกรุงเทพฯ


มีการยิงปืน  โยนก้อนหินและระเบิดเพลิงใส่กัน  ขณะที่กองทหารและผู้ประท้วงปะทะกันในช่วงย่ำรุ่งของวันจันทร์ใกล้ทางแยกของถนนสายสำคัญในตัวเมือง (สามเหลี่ยมดินแดง)  ในขณะที่รัฐบาลประกาศที่จะ "เพิ่มความแข็งกร้าว" ในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม


นายพีรพงษ์ สายเชื้อ  ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์กรุงเทพฯ กล่าวว่า  มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 77 ราย  มี 19 รายที่ต้องนอนอยู่โรงพยาบาล


เขาเสริมว่า  มี 4 รายถูกยิงบาดเจ็บ  2 รายเป็นพลเรือน  อีก 2 รายเป็นทหาร


โฆษกของกองทัพผู้หนึ่งกล่าวว่า  ทหารพยายามเข้าเคลียร์พื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงและถูกฝ่ายผู้ประท้วงยิงเข้าใส่ก่อนในช่วงย่ำรุ่ง  ทหารจึงต้องยิงตอบโต้


ทหารยิงปืนกลเอ็ม-16 ออกไปหลายร้อยชุดขณะที่รุกคืบหน้า  แต่ไม่ชัดเจนว่าทหารยิงขึ้นฟ้าหรือยิงเข้าใส่ผู้ประท้วง


พ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด กล่าวกับวิทยุชุมชนว่า  กองทัพยิงขึ้นฟ้าเพื่อตอบโต้แก๊สน้ำตาและระเบิดควันที่ผู้ประท้วงโยนเข้าใส่ทหาร  ก่อนที่เริ่มจะยิงไปทางผู้ชุมนุม


 "เราเริ่มจากมาตรการละมุนละม่อมก่อน  แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มเป็นมาตรการที่รุนแรงขึ้น  เราจะหลีกเลี่ยงการสูญเสียเลือดเนื้อตามคำสั่งของรัฐบาล"  เขากล่าว


เสียงประณามกองทัพ


ฌอน บุญประคอง (Sean Boonpracong) โฆษกฝ่ายต่างประเทศของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.)  ที่เป็นแกนนำการประท้วงของกลุ่มเสื้อแดง  วิจารณ์กองทัพว่า "ใช้ยุทธวิธีป่าเถื่อน....โดยยิงเข้าใส่พลเรือนไร้อาวุธ"


แต่เขายอมรับต่ออัลจาซีราว่า "มีพวกเราบางคนใช้ปืนสั้นยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัว"


โฆษกผู้นี้เรียกร้องให้กองทัพยุติปฏิบัติการทั้งหมดทันทีและนายอภิสิทธิ์ควรลาออก  ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่


"ถ้าสถานการณ์เลวร้ายลง  จะมีการนองเลือดมากกว่านี้และรัฐบาลต้องรับผิดชอบ"  เขากล่าว  พลางเสริมว่า  ถ้ากองทัพเริ่มยิงใส่ผู้ประท้วงอีก  พวกเขาอาจต้องบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลเพื่อ "ความปลอดภัย" ของตนเอง


ความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น


นายโทนี เฉิง (Tony Cheng) นักข่าวของอัลจาซีรา รายงานจากสถานที่เกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมงหลังการปะทะว่า  สถานการณ์ยังคงตึงเครียดอย่างยิ่ง


แทนที่การบุกเข้าสลายของกองทัพจะทำลายกำลังใจของผู้ประท้วง  ฝ่ายเสื้อแดงกลับแสดงความกล้าท้าทายมากกว่าเดิมและบอกว่า  พวกเขาพร้อมหลั่งเลือดในการประท้วงครั้งนี้


แกนนำพยายามเรียกผู้ชุมนุมที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเมืองหลวงให้มารวมพลที่ทำเนียบรัฐบาลในตอนสายของวันจันทร์


การปะทะกันในช่วงย่ำรุ่งดูเหมือนยังไม่ลุกลามไปถึงที่ชุมนุมหลักของผู้ประท้วงที่ปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล  ซึ่งอยู่ไกลออกไปหลายกิโลเมตร   ฝ่ายรัฐบาลเองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะบุกเข้าไปเคลียร์พื้นที่ตรงนั้น  ซึ่งมีผู้ชุมนุมอยู่หลายหมื่นคน


พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ให้ข้อมูลว่า  มีผู้ประท้วงราว 30,000 คนกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ


ผู้ประท้วงยึดรถประจำทางและกระโดดขึ้นยานพาหนะของกองทัพเพื่อท้าทายการประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉินที่นายอภิสิทธิ์ประกาศใช้เมื่อวันอาทิตย์


นายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า  กองทัพประสบความสำเร็จในการเคลียร์พื้นที่สี่แยกที่มีการจราจรหนาแน่นใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  ซึ่งมีประชาชนประมาณ 100,000 คนชุมนุมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา  เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะลาออก


"ปฏิบัติการลุล่วงโดยสมบูรณ์  มีผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งถูกคุมขังไว้ในสถานที่ปลอดภัย  ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปตามกฎหมาย  โปร่งใสและมีเหตุผล"  นายปณิธานกล่าวทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติหลังจากกองทัพสลายผู้ชุมนุมได้ไม่นาน


แต่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ผู้ประท้วงย้อนกลับมาที่สี่แยกนี้อีกไม่กี่ชั่วโมงหลังการปะทะและปิดถนนอีกครั้ง  ในขณะที่ทหารแสดง "ท่าทีแข็งกร้าว"  แต่ไม่เคลื่อนเข้าหาผู้ประท้วงอีก


"ไม่ประกาศกฎอัยการศึก"


นายปณิธานกล่าวแก่สำนักข่าวอัลจาซีราว่า  นายอภิสิทธิ์ยังคงมีอำนาจเต็มในการควบคุมประเทศและยังไม่มี "การประกาศกฎอัยการศึก"  เพียงแต่นายกรัฐมนตรีได้ "มอบหมายอำนาจควบคุมการปฏิบัติงาน" ให้แก่คณะกรรมาธิการที่ประกอบด้วยนายทหารหลายคน  ซึ่งกำลัง "จัดการต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน"


ฝ่ายตำรวจ  ซึ่งถูกตั้งคำถามเรื่องความจงรักภักดีต่อนายอภิสิทธิ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  เมื่อมีผู้เห็นตำรวจหลายนายใส่เสื้อแดงสนับสนุนทักษิณและเข้าร่วมการประท้วง  ต่อประเด็นนี้  นายปณิธานอธิบายว่า  ตำรวจจะ "ร่วมสนธิกำลัง  โดยมีกองทัพเป็นผู้นำ"


เขาเสริมว่า  กองกำลังฝ่ายรัฐบาลจะ "เพิ่มความแข็งกร้าว" ในการจัดการต่อผู้ประท้วงและเคลื่อนเข้าสลายผู้ชุมนุมที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเมือง


นายปณิธานยังกล่าวด้วยว่า  กองทัพได้รับอนุญาตให้ใช้กระสุนจริง  แต่ "อยู่ภายใต้คำสั่งเข้มงวดไม่ให้เล็งเป้าไปที่ประชาชนหรือยิงใส่ประชาชน"  แต่จะใช้ในการป้องกันตัวเท่านั้น


 


ภาพถ่ายของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแสดงให้เห็นว่า  มีประชาชนได้รับบาดเจ็บถูกลำเลียงออกไปหลังจากการปะทะเมื่อหัวรุ่งของวันจันทร์  ขณะที่ทหารเข้ายึดพื้นที่ใกล้กับฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง  ผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นฝ่ายผู้ประท้วง


เสียงเรียกร้องหาการปฏิวัติ


การปะทะกันนานนับชั่วโมงที่เริ่มประมาณตีสี่  เป็นการปะทะครั้งร้ายแรงครั้งแรกระหว่างผู้ชุมนุมกับกองกำลังฝ่ายรัฐบาล  หลังจากการประท้วงต่อเนื่องกันหลายสัปดาห์ของกลุ่มเสื้อแดงที่สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกกองทัพทำรัฐประหารเมื่อ พ.ศ. 2549


ทักษิณยังคงมีอิทธิพลทางการเมืองไม่น้อยในประเทศไทย  แม้ตัวเขาเองอยู่ในสภาพลี้ภัยเกือบตลอดเวลามาตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2549   เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  เขาเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนโค่นล้มรัฐบาล  โดยสัญญาว่าจะกลับประเทศหากรัฐบาลบุกสลายผู้ประท้วง


เสียงเรียกหาการปฏิวัติของทักษิณมีขึ้นหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ประกาศ พรก. ฉุกเฉินเมื่อวันอาทิตย์  หลังจากการประท้วงในวันเสาร์ที่ทำให้ต้องยกเลิกการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา


นายอภิสิทธิ์เตือนผู้ประท้วงให้กลับบ้าน  มิฉะนั้นจะต้องเผชิญกับมาตรการรุนแรง  ขณะเดียวกัน  รถถังและกองทัพก็เคลื่อนเข้าสู่จุดต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ


"รัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงมาตลอด  แต่การประท้วงกลับยกระดับความรุนแรงขึ้นและมีการกระทำที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ"  นายกรัฐมนตรีกล่าว


รัฐบาลดิ้นรนเพื่อควบคุมสถานการณ์


มีสัญญาณบ่งบอกว่า  รัฐบาลกำลังสูญเสียการควบคุมมาตั้งแต่วันอาทิตย์  เมื่อผู้ประท้วงหลั่งไหลเข้าไปรุมล้อมรถถังสองคันหน้าห้างสยามพารากอน  ก่อนที่จะสั่งให้ทหารขับรถถังกลับไปค่ายทหาร


ก่อนหน้านี้  รถยนต์ของนายอภิสิทธิ์ถูกทุบด้วยท่อนไม้  บันไดและกระถางต้นไม้หน้ากระทรวงมหาดไทย


มีคนได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 6 คนจากเหตุการณ์ครั้งนั้น  รวมทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรี 2 นาย   เลขาธิการของนายกฯ และคนขับ  ขณะที่ตำรวจที่ยืนอยู่แถวนั้นไม่ทำอะไรเลย


เพื่อแสดงให้เห็นว่า  เขายังมีอำนาจควบคุมและได้รับความจงรักภักดีจากกองทัพ  นายอภิสิทธิ์ปรากฏตัวทางโทรทัศน์ในเช้าวันจันทร์  ขนาบข้างด้วยผู้บัญชาการกองทัพบก  กองทัพเรือ  ทหารอากาศและรองผู้บัญชาการกรมตำรวจ


"ผมยืนยันว่า  รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมดยังคงจับมือกันอย่างแนบแน่น  ท่านได้เห็นแล้วว่าผู้บัญชาการกองกำลังทั้งหมดอยู่ข้างกายผมในขณะนี้"  เขากล่าว


ท. กุมาร (T Kumar) ผู้อำนวยการองค์กรนิรโทษกรรมสากลสำนักงานภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก บอกต่ออัลจาซีราว่า  การที่กองทัพปฏิบัติการสลายผู้ประท้วงที่สนับสนุนทักษิณในวันจันทร์  เป็นภาพที่ขัดแย้งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับการที่กองทัพนิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลยต่อผู้ประท้วงที่ต่อต้านทักษิณ  ซึ่งชุมนุมประท้วงรัฐบาลสองชุดที่ผ่านมา  ซึ่งมีความใกล้ชิดกับทักษิณ


"กองทัพมีการเคลื่อนไหวที่คิดคำนวณล่วงหน้าไว้แล้วว่าจะสนับสนุนรัฐบาลชุดปัจจุบัน  ในขณะที่กองทัพไม่ทำอย่างนั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีคนนี้ยังเป็นฝ่ายค้าน"  เขาตั้งข้อสังเกต


การประท้วงครั้งก่อน ๆ นำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลที่เพิกถอนรัฐบาลฝ่ายทักษิณและดันรัฐบาลของอภิสิทธิ์ขึ้นสู่อำนาจ


กุมารกล่าวว่า  มีความหวาดกลัวกันว่า  กองทัพจะออกล่าผู้ประท้วงและกวาดจับมากขึ้น  ซึ่งจะยิ่งนำไปสู่การประท้วงที่รุนแรงกว่าเดิม  การปกครองของทหารและ "ความแตกแยกที่ร้าวลึกยิ่งขึ้น" ระหว่างชนชั้นนำที่เป็นคนรวยในเมืองกับคนจนในชนบท


"วิธีการที่ดีที่สุดในการควบคุมสถานการณ์คือ  จัดการเลือกตั้งใหม่ทันที"  เขากล่าวและเตือนว่า  ถ้าประเทศเพื่อนบ้านของไทยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประชาคมโลกไม่กดดันรัฐบาลให้จัดการเลือกตั้งใหม่  ประเทศไทยจะ "ดิ่งลงเหว"


 


 


ที่มา: Al Jazeera and agencies
http://english.aljazeera.net/news/asia-pacific/2009/04/200941303054537847.html; 13 เมษายน 2552

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net